โดย..สุนันท์ ศรีจันทรา
บริษัท เอสจีเอฟ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ SGF ชี้แจงตั้งแต่เช้าตรู่วันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนตลาดหุ้นเปิดการซื้อขาย หลังจากตลาดหลักทรัพย์สอบถามถึงราคาขึ้นที่เคลื่อนไหวอย่างร้อนแรงหลายวันติดต่อ โดยระบุว่า บริษัทมิได้มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาการใดที่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ
หลังออกคำชี้แจง ราคาหุ้น SGF อ่อนยวบลงมา ขณะที่ก่อนหน้ามีการซื้อขายคึกคัก ราคาหุ้นพุ่งทะยาน โดยไม่มีปัจจัยกระตุ้นที่ชัดเจน
ความเคลื่อนไหวของหุ้น SGF อยู่ในการติดตามของตลาดหลักทรัพย์ โดยเมื่อเห็นว่า การซื้อขายเข้าสู่ภาวะเก็งกำไรที่ร้อนแรง จึงตรวจสอบไปยังผู้บริหารบริษัทฯ ขอให้ชี้แจงข้อมูลที่อาจมีผลต่อราคาหุ้น ซึ่งถือเป็นมาตรการชะลอการเก็งกำไร
การดีดตัวอย่างรุนแรงของSGF มีประเด็นสนับสนุนอยู่เหมือนกัน เพราะผลประกอบการครึ่งปีแรกสดใส มีกำไรเติบโตก้าวกระโดด โดยมีกำไรสุทธิ 145.91 ล้านบาท จากระยะเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ85.21 ล้านบาท
แต่ผลประกอบการประกาศตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำไมราคาหุ้นจึงเพิ่งปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
SGF เพิ่งได้รับอนุมัติกลับเข้ามาซื้อขายอีกครั้ง เมื่อวันที่ 1 กุภาพันธ์ 2560 โดยใช้เวลาฟื้นฟูการดำเนินงานประมาณ 9 ปี และเมื่อกลับมาซื้อขายวันแรก มีการเก็งกำไรกันอย่างคึกคัก ราคาหุ้นถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 76 สตางค์ ก่อนจะมีแรงขายถล่ม จนราคาปรับฐานลงมาอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนไหวอยู่แถว10 สตางค์เศษอยู่พักใหญ่
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ จากบริษัท สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัท เอสจีเอฟ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) โดยชื่อย่อไม่เปลี่ยนแปลง และเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2561 คณะกรรมการบริษัทมีมติเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ จากเดิมพาร์ 50 สตางค์ เพิ่มเป็นพาร์ 5 บาท หรือรวมหุ้น จาก10 หุ้นเหลือ 1 หุ้น และลดทุน เพื่อล้างขาดทุนสะสมที่เหลืออยู่ 269 ล้านบาท
การซื้อขายภายใต้ราคาพาร์ใหม่ เริ่มต้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยราคาหุ้น SGF ปิดที่ 1.48 บาท ลดลง12 สตางค์ หลังจากนั้นปรับฐานลงต่อเนื่อง จนวันที่ 22 สิงหาคมปิดที่1.30 บาท ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดของการปรับราคาพาร์ใหม่ แต่วันต่อมา เริ่มปรับตัวขึ้น และขึ้นมาตลอด จนขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดภายใต้พาร์ใหม่ที่2 บาท เมื่อวันที่ 11 กันยายน
ภายในเวลา 14 วันทำการ หุ้น SGF ทะยานขึ้นกว่า 50% จากจุดต่ำสุดที่1.30บาท ดีดตัวขึ้นมายืนที่ 2 บาท โดยไม่มีข่าวดีที่ชัดเจน ตลาดหลักทรัพย์จึงต้องเข้าแทรกแซง โดยสอบถามผู้บริหารบริษัทถึงสาเหตุที่ราคาพุ่งแรงผิดปกติ
เมื่อฝ่ายบริหารบริษัทยืนยันว่า ไม่มีพัฒนาการใดด้านธุรกิจ นักลงทุนจึงชิงเทขายหุ้นทำกำไรทันทีที่เปิดการซื้อขายวันที่ 12 กันยายน จนราคาอ่อนตัวลง และลงต่ำสุดระหว่งวันที่1.86 บาท ก่อนจะมีแรงซื้อกระชากราคาขึ้นมาช่วงท้ายตลาด ก่อนปิดที่ 2.04 บาท บาท เพิ่มขึ้น 4 สตางค์หรือเพิ่มขึ้น 2% สร้างจุดสูงสุดใหม่ขอรอบ
พิจารณาปัจจัยพื้นฐานหุ้น SGF แล้ว ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะมีค่าพี/อี เรโชประมาณ 9 เท่า และผลประกอบการครึ่งปีแรกออกมาดี ซึ่งหากสามารถรักษาอัตราการเติบโตของผลกำไรได้ต่อเนื่อง จะเป็นหุ้นที่ถือเพื่อซื้ออนาคตได้
ตลาดหลักทรัพย์ได้ทำหน้าที่ ดับความร้อนแรงของหุ้นแล้ว โดยดำเนินมาตรการเตือนสตินักลงทุนในการเก็งกำไร
แม้ว่า SGF ราคาแถวนี้ พอจะเล่นได้ แต่ถ้าตามแห่เก็งกำไรไล่ราคาขึ้นไป จะมีความเสี่ยงจากการถูกเทขายทำกำไร ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้ว ในช่วงที่หุ้นตัวนี้กลับมาซื้อขายใหม่ โดยถูกนักลงทุนรายใหญ่ทุบจนรายย่อยน่วมไปตามๆกัน
หุ้นเคยมีประวัติ จะตามแห่เก็งกำไรต้องระวังไว้หน่อย