SCB-KBANK-TTB นำดิ่งกลุ่มแบงก์หลัง S&Pลดเครดิต แต่พื้นฐานยังน่าสนใจ

HoonSmart.com>>ดัชนีกลุ่มแบงก์ลบ 1.09% นำดิ่งโดย SCB-KBANK-TTB หลัง” แสตนดาร์ดแอนด์พัวร์” (เอสแอนด์พี) ปรับลดเครดิต 4 ธนาคารไทย คือ SCB, KBANK, KTB และ TTB แต่ยังคงเครดิต BBL และ BAY โบรกฯมองเป็น sentiment ลบต่อราคาหุ้น โบรกฯคาดกลุ่มแบงก์ได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นในปี 65 ทั้งในส่วนของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่โตขึ้น โดยคาดสินเชื่อจะขยายตัวขึ้น 5% และกำไรปกติเติบโตขึ้น 10% นอกจากนี้ มูลค่าหุ้นยังไม่แพง และให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง 4-5% ในปี 65

เมื่อเวลา 10.20 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์ลบ 1.09% มาอยู่ที่ 414.72 จุด ลดลง 4.59 จุด นำดิ่งโดยหุ้น SCB ลบ 2.62% มาอยู่ที่ 111.50 บาท ลดลง 3.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 424.24 ล้านบาท
หุ้น KBANK ลบ 1.58% มาอยู่ที่ 156.00 บาท ลดลง 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 916.53 ล้านบาท
หุ้น TTB ลบ 1.53% มาอยู่ที่ 1.29 บาท ลดลง 0.02 บาท มูลค่าซื้อขาย 205.47 ล้านบาท

บล.โนมูระ พัฒนสิน มีมุมมองเป็น Negative Sentiment ต่อกลุ่มธนาคาร จากการที่ บริษัท แสตนดาร์ดแอนด์พัวร์” (เอสแอนด์พี) ได้ปรับลดเครดิต (Downgraded) ของ 4 ธนาคารขนาดใหญ่คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) (BBB/Stable จาก BBB+/Negative), ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) (BBB/Stable จาก BBB+/Negative), ธนคารกรุงไทย (KTB) (BBB-/Stable จาก BBB/Negative) และ ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) (BBB-/Stable จาก BBB/Negative)

โดยเอสแอนด์พี มองว่าประเทศไทยมีความเสี่ยงที่เป็นระบบ (Systematic risk) สูงขึ้นในด้าน 1) หนี้สินภาคครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มสูงเวลานานกว่าที่เคยคาดไว้ก่อนหน้า 2) การแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ไม่ชัดเจน และขาดประสิทธิภาพ กล่าวคือ S&P มองว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ (Debt relief program) แม้จะช่วยประคองภาพรวม NPL ไม่ให้ปรับตัวขึ้น แต่ทำให้การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนทำได้ช้าลง 3) ภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง และการฟื้นตัวที่ไม่เท่าเทียมกัน (Uneven recovery) โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยว 4) สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน อาจล่าช้าการฟื้นตัวกลับไปที่ก่อนโควิด ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย

อย่างไรก็ตามยังคง (Affirmed) Credit rating เดิมสำหรับธนาคารกรุงเทพ (BBL) (BBB+/Stable) S&P มองว่าเป็นธนาคารที่มีความสำคัญมากต่อระบบการเงินของไทยและธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) (BBB+/Stable) มี Mitsubishi UFJ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นเป็นผู้ถือหุ้นหลัก

นักวิเคราะห์กลุ่มธนาคาร มองว่ามีผลกระทบจำกัดต่อประมาณการกำไรเพราะธนาคารพาณิชย์พึ่งพาแหล่งเงินทุนหลักจากเงินฝาก ขณะที่มีสัดส่วนของหุ้นกู้เพียง 2.6-4.4% ของหนี้สินรวม และ โดยกลุ่มธนาคารมีค่าเฉลี่ย Coverage ratio 162% ณ สิ้นปี 64 เทียบกับ 152% ณ สิ้นปี 62 แนะนำอ่อนตัวซื้อ KBANK, SCB ในฐานะ Best Picks

บล.กสิกรไทย คาดกลุ่มแบงก์ได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นในปี 65 จะส่งผลบวกต่อกลุ่มธนาคารทั้งในส่วนของสินเชื่อและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตขึ้น โดยคาดว่าสินเชื่อจะขยายตัวขึ้น 5% และกำไรปกติเติบโตขึ้น 10%

นอกจากนี้ มูลค่าหุ้นยังไม่แพง ยังน่าดึงดูดใจอิงด้วย PBV ปี 65 ที่ 0.7 เท่า (-1.5SD ต่ำกว่าระดับเฉลี่ย) และคาดว่ากลุ่มธนาคารจะเป็นผู้เล่นกลุ่มปันผลที่น่าสนใจด้วยอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูง 4-5% ในปี 65 พร้อมเชียร์หุ้นเด่น SCB ราคาเป้าหมาย 149 บาท และหุ้น KKP ราคาเป้าหมาย 80 บาท