ดาวโจนส์ปิดบวก 274 จุด หลังเจรจาไบเดน-สี ไม่มีเซอร์ไพรส์

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 274 จุด หลังเจรจาระหว่างประธานาธิบดี “โจ ไบเดน” กับ “สี้ จินผิง” จบลงโดยไม่มีเซอร์ไพรส์ นักลงทุนซึมซับข่าวการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ด้านราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่บวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 18 มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,754.93 จุด เพิ่มขึ้น 274.17 จุด หรือ 0.80% จากการปรับขึ้นของหุ้นขนาดใหญ่ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน  หลังการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเกี่ยวกับวิกฤติยูเครนสิ้นสุดลง โดยไม่มีเรื่องประหลาดใจเกิดขึ้น

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,463.12 จุด เพิ่มขึ้น 51.45 จุด, +1.17%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,893.84 จุด เพิ่มขึ้น 279.06 จุด, +2.05%

หุ้นเซลส์ฟอร์ซเพิ่มขึ้น 3.9%  หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 2% หุ้นNvidia เพิ่มขึ้น 6.8% หุ้นเมตา แพลตฟอร์ม เพิ่มขึ้น 4.1%
ในสัปดาห์นี้ ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 5.5% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 6.1%  และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 8.1%

นักลงทุนยังคลายกังวลที่ราคาน้ำมันค่อยๆขยับขึ้น  ขณะที่นักลงทุนยังคงรับข่าวการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลาง (เฟด) เมื่อต้นสัปดาห์นี้และส่งสัญญาณว่าคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมอีก 6 ครั้งที่เหลือในปีนี้

ประธานาธิบดีไบเดน และประธานาธิบดีสี เจรจาผ่านวิดีโอคอลกัน ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง เกี่ยวกับการบุกรัสเซียของรัสเซียในยูเครน ซึ่งประธานาธิบดีไบเดน แห่งสหรัฐฯ เตือนผู้นำจีน ว่าจะมี “ผลตามมา” หากให้การสนับสนุนรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีสี เรียกร้องให้ชาติ NATO จัดการเจรจากับรัสเซีย และทั้งสองฝ่ายเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ปัญหาวิกฤตการณ์ด้วยการทูต

“ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์มีส่วนสำคัญต่อตลาดส่วนใหญ่ในสัปดาห์นี้ แม้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย” แรนดี เฟรเดอริก จาก Charles Schwab กล่าว

อาร์ต โฮแกน จาก National Securities กล่าวว่า “การเจรจาเป็นไปตามที่คาดไว้”  การเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังต่อเนื่อง นักลงทุนมีมุมมองในทางบวกมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นผลจากราคาน้ำมันลดความร้อนแรงกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดก็เป็นไปตามที่คาด

“แทนที่จะกลัวและวิตกในสิ่งที่เฟดอาจทำ เราเห็นแผนงานที่ชัดเจนสำหรับนโยบายการเงิน”

สตีฟ ซอสนิค จาก Interactive Brokers กล่าวว่า นักลงทุนเชื่อมั่นว่าราคาน้ำมันดิบของสหรัฐจะไม่สูงกว่า 100 ดอลลาร์ในวันศุกร์หลังจากเพิ่งทะลุ 130 ดอลลาร์

เมื่อวานนี้ผู้ว่าการเฟด นายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ให้สัมภาษณ์รายงาน “Squawk Box” ของ CNBC ว่า ธนาคารกลางอาจจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ย 0.50% หนึ่งครั้งหรือมากกว่านั้นในปีนี้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ “รุนแรง”

ด้านนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 12 ครั้งในปีนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าเฟดจริงจังกับการควบคุมเงินเฟ้อ
นายบูลลาร์ดซึ่งเป็นผู้ออกเสียงค้านเพียงคนเดียวในการประชุมในสัปดาห์นี้กล่าวในแถลงการณ์ว่า ต้องการเห็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของธนาคารกลางเพิ่มขึ้นเหนือ 3% จากระดับใกล้ 0%  ซึ่งเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างรวดเร็วให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมมากขึ้นสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน

Conference Board รายงานดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) เดือนกุมภพันธ์ปรับขึ้น 0.3% หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนมกราคม
หุ้นโมเดอร์นา ปิดพุ่งขึ้น 6.3% หลังยื่นขอให้สำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอนุมัติใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่ 4

หุ้นโบอิ้งเพิ่มขึ้น 1.4% จากรายงานว่า เดลตา แอร์ไลน์ได้สั่งซื้อเครื่องบินรุ่น 737 MAX 10 จำนวน 100 ลำ

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ที่มากสุดนับตั้งแต่ปี 2020 นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่เพิ่มขึ้นกว่า 2.4% นักลงทุนเกาะติดการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครน และยังคงขานรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยธนาคารกลาง

การเจรจาระหว่างนักการทูตรัสเซียและยูเครนคืบหน้าบ้างแล้ว หลังการเจรจาเป็นวันที่สี่ ขณะที่กองกำลังรัสเซียยังคงโจมตีเมืองต่างๆ ของยูเครนต่อไป ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้นอีกครั้งเนื่องจากความกลัวว่าจะมีการคว่ำบาตรเข้มงวดมากขึ้น

ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้คงอัตรดอกเบี้ยตามคาดเมื่อวานนี้และเตือนว่ามี “ความไม่แน่นอนที่สูงมาก” จากสถานการณ์ในยูเครนและผลกระทบต่อราคา

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 455.60 จุด เพิ่มขึ้น 4.11 จุด, +0.91%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,404.73 จุด เพิ่มขึ้น 19.39 จุด, +0.26%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,620.24 จุด เพิ่มขึ้น 7.72 จุด, +0.12%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,413.09 จุด เพิ่มขึ้น 25.03 จุด, +0.17%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น  1.72 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 104.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 107.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล