ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 417 จุด ดอกเบี้ยเฟดยังหนุน คลายวิตกรัสเซียผิดนัดชำระหนี้

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวก ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 417 จุด ขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม รับผลประชุมเฟดไม่ได้กระทบตลาด ข้อมูลเศรษฐกิจสดใส นักลงทุนยังเกาะติดความขัดแย้งรัสเซียและยูเครน ด้านราคาน้ำมันดิบเด้งแรงกว่า 8% ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 17 มีนาคม 2565 ปิดที่ 34,480.76 จุด เพิ่มขึ้น 417.66 จุด หรือ 1.2% ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม นักลงทุนยังขานรับการขึ้นดอกเบี้ยธนาคารกลาง (เฟด) ครั้งแรกในรอบ 3 ปี รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ขณะที่ยังเกาะติดสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน และราคาน้ำมันกลับมาพุ่งสูงอีกครั้ง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,411.67 จุด เพิ่มขึ้น 53.81 จุด, +1.2%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,614.78 จุด เพิ่มขึ้น 178.23 จุด, +1.3%

ที่ประชุมเฟดวันที่ 15-16 มีนาคมได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้น 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ตามที่ตลาดคาด

เจฟฟ์ คิลเบิร์ก ของ Sanctuary Wealth กล่าวว่า ตลาดปรับขึ้นเป็นวันที่สาม การประชุมของเฟดจบลง โดยที่ไม่ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์อะไร ซึ่งการที่ผ่านพ้นไปได้มีผลทางจิตวิทยาที่สำคัญสำหรับตลาด แม้ตระหนักถึงความไม่แน่นอนในสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ทำให้เกิดความเชื่อมั่นระยะสั้นในตลาด

ด้าน ไรอัน เดทริก จาก LPL Financial กล่าวว่า ผลประชุมของเฟดไม่ได้กระทบตลาดมากนัก แม้ลดคาดการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2565 และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ แต่ส่วนใหญ่ตลาดรับข่าวไปแล้ว โดยรวมแล้วยังมองว่าเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนให้ตลาดฟื้นตัว

ซิลเวีย ยาบลอนสกี้ ซีอีโอจาก ETFs กล่าวว่า นักลงทุนเริ่มเห็นว่าตลาดกำลังถึงจุดต่ำสุดที่สามารถซื้อขายได้ ดังนั้นการซื้อในตอนนี้และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าจึงเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าตลาดในระดับราคาใหม่และมีโอกาสปรับขึ้น ซึ่งครั้งสุดท้ายที่เห็นโอกาสซื้อแบบนี้คือช่วงที่โควิดพีคและในปี 2008

เจฟฟรีย์ กุนด์ลัค ซีอีโอ DoubleLine Capital คาดว่าตลาดจะปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงการประชุมเฟดครั้งต่อไปในเดือนพฤษภาคม

ตลาดยังคลายกังวลเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัสเซีย หลังจากที่มีรายงานข่าวว่า กระทรวงการคลังของรัสเซียได้โอนเงินมูลค่า 117 ล้านดอลลาร์เพื่อจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตร 2 ชุดด้วยเงินดอลลาร์ซึ่งบ่งชี้ว่าสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ภายนอกได้เป็นครั้งแรกในรอบศตวรรษ และเป็นการทดสอบครั้งแรกว่ารัสเซียจะสามารถชำระหนี้ระหว่างประเทศได้หรือไม่ หลังจากมีการคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตก แม้รัสเซียปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่ามีความคืบหน้าในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส โดยกระทรวงแรงงานรายงานว่าจำนวนการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 15,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 214,000 ราย ต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และต่ำกว่า 220,000 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์ รายงาน การเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 6.8% มาที่ระดับ 1.769 ล้านยูนิต และสูงกว่า 1.690 ล้านยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด

หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งกว่า 8% ไปที่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้นขึ้น 9.6% หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 2.6% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.7%

หุ้น Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ปิดที่ 500,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในวันพุธ ตอกย้ำการเป็น defensive stock จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ซื้อหุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มอีก 18.1 ล้านหุ้นในวันจันทร์และวันพุธ
หุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 9.47%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มน่ำมันและก๊าซที่เพิ่มขึ้น 2.2% นักลงทุนขานรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 3 ปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขณะที่ยังเกาะติดสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน

ที่ประชุมธนาคารกลางอังกฤษเมื่อวานนี้ได้ลงมติ 8 ต่อ 1 ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สามติดต่อกันอีก 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยมาอยู่ที่ระดับ 0.75% และมีท่าทีจะผ่อนปรนนโยบาย เพราะคาดว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะยังทำเงินเฟ้อสูงขึ้นต่อเนื่อง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 450.49 จุด เพิ่มขึ้น 2.04 จุด, +0.45%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,385.34 จุด เพิ่มขึ้น 93.66 จุด, +1.28%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,612.52 จุด เพิ่มขึ้น 23.88 จุด, +0.36%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,388.06 จุด ลดลง 52.68 จุด, -0.36%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 7.94 ดอลลาร์ หรือ 8.35% ปิดที่ 102.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 8.62 ดอลลาร์ หรือ 8.79% ปิดที่ 106.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล