HoonSmart.com>>บล.ทรีนีตี้คาดการประชุมเฟด 15-16 มี.ค.นี้ ขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% รวมทั้งปี 1.6% หรือ 6.5 ครั้ง ธนาคารกลางยุโรปเซอร์ไพรส์ตลาด มองกรณีเลวร้ายสุดเศรษฐกิจปีนี้โตเพียง 2.3% เงินเฟ้อมีโอกาสขึ้นไปถึง 7.1% ส่งผลต่อเงินเฟ้อของไทยเพิ่ม 5% ช็อคหุ้น แนะนำซื้อกลุ่มคอมมูนิตี้-กลุ่มการแพทย์-กลุ่มอุปโภคบริโภค-กลุ่ม AMC ส่วนบล.ดีบีเอสฯแนะนำหุ้นปันผลสูง KKP, TISCO, LALIN, SC, AP, LH, ORI, AIMIRT
วันที่ 15-16 มี.ค.2565 ทุกสายตาจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ว่าจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% หรือ 0.50% รวมถึงปรับประมาณการเศรษฐกิจและ Dot Plot อย่างไร หลังอัตราเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ออกมาตามคาด อัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI) ขยายตัว 0.8% จากเดือนม.ค.ขยายตัว7.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เพิ่มขึ้น 0.5% เทียบกับเดือนม.ค.และเพิ่มขึ้น 6.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีปัจจัยลบทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น
บล.ทรีนีตี้วิเคราะห์ว่า เงินเฟ้อที่ออกมาตามคาด ทำให้นักลงทุนมองการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% เท่านั้น และคงระดับการขึ้นดอกเบี้ยทั้งปีที่ 1.6% หรือเทียบเท่าประมาณ 6.5 ครั้ง ใกล้เคียงกับระดับก่อนหน้าที่จะมีการประกาศตัวเลข CPI ออกมา
ขณะที่ผลการประชุมของธนาคารกลางยุโรป ( ECB) มีประเด็นที่น่าสนใจ มีมติจะทยอยลดการซื้อสินทรัพย์ลงตั้งแต่เดือนพ.ค.นี้เป็นต้นไป และอาจถึงขั้นยุติโครงการภายในไตรมาสที่ 3 นี้ ถือว่าSurprise ในทาง Hawkish สวนทางกับการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยในกรณีฐาน ECB มองเศรษฐกิจปีนี้ขยายตัว 3.7% ลดลงจากคราวก่อนที่ 4.2%โดยระดับ 3.7% ยังมี Downside risk อีก หากสถานการณ์Geopolitical risk ยังคงยืดเยื้อจนชาติตะวันตกมีการออกมาตรการแทรกแซงรัสเซียมากขึ้น ส่งผลให้ปัญหา Global supply chain disruption ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก มองกรณีเลวร้ายสุดเศรษฐกิจยุโรปจะเติบโตเพียง 2.3% เท่านั้น
ในกรณีฐาน ECB ประเมินเงินเฟ้อปีนี้ขยายตัว 5.1% แต่หากปัญหาราคาเชื้อเพลิงที่สูงยืดเยื้อจนนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในวงกว้าง เงินเฟ้อยูโรโซนปีนี้มีโอกาสขยับขึ้นไปสูงถึง 7.1% เลยทีเดียว
“เงินเฟ้อของยูโรโซนสูงเกินกว่า 5% ไปจนถึงไตรมาส 3 ก่อนที่จะเริ่มคลายลงมาอยู่ที่ 4% ในไตรมาส 4 ทำให้เงินเฟ้อของไทยมีโอกาสจะขยายตัว 5% หรือมากกว่าไปจนถึงเดือนส.ค. ซึ่งจะก่อให้เกิดภาวะสุญญากาศของหุ้นไทยได้ หากอ้างอิงจากสถิติในอดีต เรายังคงแนะนําถือครองหุ้นในกลุ่ม Inflation hedge ต่อไป ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มคอมมูนิตี้ (PTTEP, BANPU, TVO) กลุ่มการแพทย์ (BDMS, BCH, CHG,IMH) และกลุ่มอุปโภคบริโภค (CPALL, MAKRO, BJC) รวมถึงกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทย ได้แก่กลุ่มAMC (BAM, JMT, CHAYO)”บล.ทรีนีตี้ระบุ
ด้าน บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำหุ้นปันผลสูง จะช่วยลดผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อได้ แนะนำซื้อ KKP,TISCO,LALIN,SC,AP,LH,ORI,AIMIRT