“คิงส์ฟอร์ด” แนะซื้อหุ้นกลุ่มเปิดศก. คาดฟื้นได้ดีหลังสงครามยุติ

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด วางแนวต้านหุ้นวันนี้ 1,655-1,660 จุด รับตลาดคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจารัสเซียและยูเครน แนะซื้อกลุ่มเปิดเศรษฐกิจคาดฟื้นตัวได้ดี หุ้นแนะนำวันนี้เก็งกำไร UVAN คาดแนวโน้มราคาน้ำมันปาล์มอยู่ระดับสูง หุ้น SHR คาดพลิกโชว์กำไรปีนี้

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ฟื้นตัวจากคาดหวังเชิงบวกต่อการเจรจารัสเซีย – ยูเครน โดยวางแนวรับที่ 1,630 – 1,635 จุด แนวต้าน 1,655 – 1,660 จุด แนะนำซื้อกลุ่มเปิดเศรษฐกิจคาดฟื้นได้ดีในกรณีสงครามยุติ เช่น KBANK, BBL, TIDLOR/ MAKRO, DOHOME, OSP/ AOT, CENTEL, BDMS

หุ้นกลุ่มน้ำมันปาล์ม คาดแนวโน้มราคา CPO ในตลาดโลกอยู่ในระดับสูงจากข่าวอินโดนีเซียวางแผนจำกัดการส่งออกน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. เป็นต้นไป โดยเตรียมออกคำสั่งให้บริษัทต่างๆ ต้องจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มโอลีน 30% ภายในประเทศ เพิ่มจากสัดส่วนเดิมที่ระดับ 20% มีผลบังคับใช้อย่างน้อย 6 เดือน ประเด็นดังกล่าวจะทำให้ซัพพลายน้ำมันพืชในตลาดโลกยิ่งลดน้อยลง หลังจากเผชิญกับปัญหาซัพพลายขาดแคลนจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดอกทานตะวันรายใหญ่

ขณะที่ความต้องการใช้ของประเทศจีนและอินเดียยังคงที่เพิ่มขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ ด้านราคาในประเทศไทยได้แรงหนุนจากระดับสต๊อกที่ต่ำตามฤดูกาล (ม.ค.157,7459 ตัน) ดังนั้นเลือกเก็งกำไร UVAN* (PER 8.85x) ที่น่าจะได้ประโยชน์ทั้งจากการขายในประเทศและการส่งออก (อยู่ใน 10 อันดับแรกที่ส่งออกในปี 64

หุ้น SHR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.70 บาท) การดำเนินงานช่วง 4Q64 ขาดทุนสุทธิที่ 70 ล้านบาท (ขาดทุนลดลงจาก 3Q64 ที่ 282 ลบ. และ 4Q63 ที่ 1,196 ล้านบาท) ฟื้นตัวได้รวดเร็วจากพอร์ตโรงแรมที่มีสัดส่วนอยู่ใน UK จำนวนมาก(สัดส่วนรายได้ราว 35% ในช่วงปกติ) และเป็นประเทศที่ประชากรได้ฉีดวัคซีน Covid-19 แล้วครบโดส > 70%

ขณะรร.ใน Maldives(สัดส่วนรายได้ราว 30% ในช่วงปกติ) ฟื้นตัวได้ดี จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเริ่มใกล้เคียงกับระดับปกติ ด้านรร.ในไทย(สัดส่วนรายได้ราว 20% ในช่วงปกติ) รับปัจจัยบวกจากการ Reopening ในช่วงเดือน พ.ย.64 และมาตรการผ่อนคลายที่ต่อเนื่อง(แม้จะมี Omicron กดดันอยู่บ้าง แต่คาดว่าผลกระทบจะน้อยกว่า Delta) ทั้งนี้ตลาดคาดว่า EPS ของ SHR* หลังจากขาดทุนในปี64 ที่ -0.34 บ./หุ้น จะกลับมาพลิกมีกำไรในปี65 และ ปี66 ที่ 0.02 บ./หุ้น และ 0.10 บ./หุ้น ตามลำดับ