หยวนต้าคาดน้ำมันพุ่งฉุดกำไรบจ. 9-11% บล.ไทยพาณิชย์เตือนระวัง 12 หุ้น

HoonSmart.com>>สหรัฐ-อังกฤษสั่งแบนรัสเซีย ซ้ำเติมราคาน้ำมันดิบพุ่งแรง บล.หยวนต้าคาดปีนี้เฉลี่ย 110 เหรียญ บจ.แบกต้นทุนพลังงาน 15-20% ฉุดกำไรตลาดลง 9-11% บล.ไทยพาณิชย์เตือนระวัง KEX, AAV, EPG, SCCC, STANLY, BGRIM, DCC,SCC, GPSC, CBG, SCGP, OSP กพช.เปิดล็อคกองทุนน้ำมันกู้เต็มที่ หนุนโซลาร์รูฟท็อป  ด้านหุ้นไทยทะยานขึ้น 1.52% เด่นสุดเอเชีย หมดแรงฟอสเซล ยุโรปกระโดดแรง 3% หวังเจรจายุติสงคราม  

สหรัฐอเมริกาและอังกฤษจะระงับการนําเข้าน้ำมัน & ก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุ 130 เหรียญ/บาร์เรล ก่อนจะอ่อนตัวลง เบรนท์เคลื่อนไหวบริเวณ 125 เหรียญเศษ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปี 2565 อยู่ที่ 135 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเดิมคาดที่ 98 เหรียญ ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้นตาม เช่น เหล็ก นิเกิล ซ้ำเติมผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และตลาดหุ้น

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ตั้งสมมติฐานปี2565 ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 110 เหรียญ เพิ่มขึ้นมากจากปีก่อนอยู่ที่ 70 เหรียญ จะมีผลต่อต้นทุนของบริษัทจดทะเบียนเฉลี่ย 15-20% ของต้นทุนรวม ซึ่งบางบริษัทฯจะสูงกว่า 20% บางแห่งก็ต่ำกว่า 15% โดยรวมกระทบต่อกำไรต่อหุ้นของตลาดประมาณ 9-11% ให้ส่วนลด 90 บาท คิดเฉพาะราคาพลังงานอย่างเดียว 15% คาดดัชนีอยู่ที่ 1,525 – 1,574 จุด ในทางเทคนิคได้ลงไป 1,570 – 1,580 จุดแล้วเด้ง เมื่อวันที่ 8 มี.ค. สนับสนุนแนวโน้มตลาดฟื้นตัว

บล.ไทยพาณิชย์แนะเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนหรือลดน้ำหนักการถือครองหุ้นที่คาดผลประกอบการได้รับผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ (เกิน 5%) จากต้นทุนพลังงานที่ปรับขึ้นแรง อย่าง KEX, AAV, EPG, SCCC, STANLY, BGRIM, DCC, SCC, GPSC, CBG, SCGP, OSP

ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 9 มี.ค.2565  มีมติปลดล็อกเพดานกู้กองทุนน้ำมัน จากที่กำหนดไว้ 40,000 ล้านบาท พร้อมรับมือวิกฤติ,ผ่านแนวทางดูแลต้นทุนค่าไฟ

นอกจากนี้กพช.ยังเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) และเห็นชอบอัตราค่าไฟฟ้าของโครงการหลวงพระบาง 2.8432 บาท/หน่วย กำหนดจ่ายไฟเข้าระบบ (COD) เดือน ม.ค.2573 และโครงการปากแบง 2.9179 บาท/หน่วย กำหนด COD เดือน ม.ค.2576

ด้านตลาดหุ้นไทยวันที่ 9 มี.ค.2565 เริ่มปรับตัวขึ้นแรงเป็นวันแรก ดัชนีปิดเกือบสูงสุดของวันที่ระดับ 1,643.64 จุด เพิ่มขึ้น 24.54 จุด หรือ +1.52% มูลค่าซื้อขาย 115,051.73 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิ 3,986.45 ล้านบาท จากวันก่อนซื้อสุทธิกว่า 2,000 ล้านบาท และยังคงขายตราสารหนี้ไทยถึง 13,848 ล้านบาท แต่ซื้อสัญญา SET50 Index Futures 7,344 สัญญา ขณะที่สถาบันไทยเริ่มซื้อหุ้นวันแรกมากถึง 5,140.03 ล้านบาท

หุ้นไทยพุ่งขึ้นแรง 1.52% นับว่าโดดเด่นที่สุดในภูมิภาค  โดยตลาดหลายแห่งยังปรับตัวลง เช่น จีน เกาหลีร่วงเกิน 1% ญี่ปุ่น-ฮ่องกงก็ลดลง ส่วนตลาดหุ้นยุโรปหลายแห่ง พุ่งแรงกว่า 3% ftse 100 ปรับขึ้น 1% เศษ ดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 500 จุด หรือ +1.6% จากความหวังเจรจาจะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นฟื้นตัวทางเทคนิคหลังจากที่แรงฟอสเซลเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ออกมาจำนวนมาก พอหมดฟอสเซลหุ้นก็เด้งขึ้นเร็วมาก และต่อเนื่องมาถึงวันนี้ นอกจากนี้ตลาดในยุโรปภาคบ่ายนี้ก็ฟื้นตัวดีปรับขึ้นกว่า 3% หลังจากที่อังกฤษ และสหรัฐฯระงับ(แบน)การนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และคาดหวังว่าสหภาพยุโรป (อียู) จะระงับการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียด้วย แต่อียูไม่เหมือนอังกฤษ และสหรัฐฯที่พึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียน้อยมาก ขณะที่อียูพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียถึง 40% ทำให้อียูไม่แบนรัสเซีย ดังนั้นมาตรการแบนจีงไม่มีผลต่อรัสเซียเท่าไร ส่งผลให้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นไป ก็เริ่มที่จะถอย และหุ้นในกลุ่มพลังงานต้นน้ำก็ถูกขายทำกำไรออกมา

ทั้งนี้ หากราคาพลังงานขึ้นต่อเนื่องก็จะทำให้เกิดความกังวลเงินเฟ้อที่อาจจะพุ่งขึ้น พร้อมให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้  คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% และตลาดก็รับรู้ในวงกว้างพอควร ช่วงนี้ตลาดเป็นลักษณะของการเลือกเล่นหุ้นรายตัวตามปัจจัยเฉพาะตัว อย่างหุ้น COM7 ปรับขึ้นเป็นการเล่นเก็งกำไรเรื่องที่เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เป็นต้น

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 10 มี.ค.2565 ตลาดคงจะยังผันผวนจากปัจจัยสถานการณ์ยูเครนเป็นหลัก โดยให้แนวรับ 1,610 จุด แนวต้าน 1,650 จุด

บล.เอเซียพลัสคาดดัชนีลงลึก แต่ปัจจัยกดดันเบาลง แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานดีที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติซื้อต่อเนื่อง พอร์ตจำลองให้ลดเงินสดบางส่วน ซื้อ KBANK 10% Toppick เลือก KBANK, DTAC, PTT

ปัจจัยกดดันลดลงมาจาก ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา นักลงทุนมีการปิดสัญญาฟิวเจอร์ส จนมูลค่า Block Trade สะสม ลดลงแรงกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เหลือ 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับช่วงตลาดปรับฐานแรงตอนไวรัสโอมิครอนระบาด ภาพรวมเห็นสัญญาณผ่อนคลายขึ้นจาก Vix Index ลดระดับลง, เงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี ขยับขึ้นแรงอยู่ที่ 1.85%, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง รวมถึงรอการเจรจากันของรัฐมนตรีรัสเซียและสหรัฐ วันที่ 10 มี.ค. 2565