HoonSmart.com>> “บล.กสิกรไทย” แนะกลยุทธ์ลงทุนท่ามกลางสงครามยังไม่แน่นอน ตลาดผันผวน ชูธีมลงทุน 3D “Domestic-Defensive-Dividend” กลุ่มค้าปลีก โรงพยาบาล อสังหาฯ ชี้เป้า HMPRO-DOHOME-TIDLOR-BH-BDMS-PSH-ORI-LH-AP แนะชะลอลงทุนกลุ่มแบงก์ ปิโตรเคมี ส่วนหุ้นแนะนำวันนี้ AMATA
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย (KS) ประเมินตลาดหุ้นยังให้น้ำหนักต่อพัฒนาการความคืบหน้าของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ในปีนี้ ด้านกลยุทธการลงทุนในช่วงนี้ ยังแนะนำหุ้นใน Theme หลักๆ คือ 3D คือ 1.Domestic อาทิ กลุ่มค้าปลีก HMPRO DOHOME กลุ่มการเงิน TIDLOR 2. กลุ่ม Defensive (กลุ่มโรงพยาบาล BH,BDMS) และ 3. กลุ่ม Dividend กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนะนำสะสม PSH,ORI, LH และ AP
หากราคาหุ้นเหล่านี้ปรับลงมารอบนี้แนะนำสะสม และ Theme ที่ได้จากประเด็นสงครามยืดเยื้อ อาทิ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม AMATA, FPT
ส่วนกลุ่มที่แนะนำชะลอการลงทุน ในช่วงนี้หลักๆ คือ ธนาคารพาณิชย์ และ ปิโตรเคมี
บล.กสิกรไทยมองแนวโน้ม SET วันนี้คาด 1,620 -1,630 หุ้นแนะนำ AMATA (ราคาพื้นฐาน 27.0บาท) ชอบ AMATA ในฐานะผู้พัฒนานิคมฯ และมีฐานที่มั่นในไทยและเวียดนาม และมีแนวโน้มเพิ่มนิคมใหม่ในเวียดนาม (ลองถั่น) ในปี 2565 ต่อยอดการเติบโตในอนาคต โดยประเด็น Geopolitical risks ที่ปรับสูงขึ้น มองประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะประเทศที่วางตัวเป็นกลาง เช่น ไทย จะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตเพื่อหนีสงคราม โดย AMATA ยังมี Upside จากราคาเป้าหมาย 30.4% ประกาศเงินปันผลต่อหุ้นครึ่งหลังปี 2564 ที่ 0.3 บาท วันขึ้น XD คือ 25 เม.ย.65
สำหรับประเด็นที่มีผลต่อการลงทุนหลักๆ 1.) พัฒนาการสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนและประเทศพันธมิตร ล่าสุด ฝั่งสหรัฐ : ประธานาธิบดีสหรัฐ ไบเดนแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวสหรัฐจะคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียทั้งหมด KS ประเมิน Impact จากการแบนการนำเข้าจากสหรัฐกระทบไม่มากเท่าการแบนจากฝั่งยุโรป เพราะสหรัฐมีสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพียง 8% ของการนำเข้าของทั้งหมด เทียบกับประเทศฝั่งยุโรปนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียสูง 30-40%
ส่วนฝั่งยูเครนประธานาธิบดี Zelensky ยอมรับ 1 ใน 3 เงื่อนไขจากฝั่งรัสเซีย คือ จะไม่นำยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ต้องติดตามท่าทีฝั่งรัสเซีย และการเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ครั้งถัดไป วันพฤหัสบดีนี้ 10 มี.ค.จะเกิดขึ้น และมีพัฒนาการเพิ่มเติม? ยังคงมุมมองหากสถานการณ์สงครามผ่อนคลาย ปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Anti-commodities (EPG, SCGP, BGRIM, GULF, OR, AAV, BA)
แต่หากยังไม่ได้ข้อสรุป หุ้นโลกผันผวนต่ออีกระยะ โดยเฉพาะหุ้นฝั่งยุโรป และราคาพลังงานคาดยังทรงตัวสูงต่อ ล่าสุดราคาน้ำมันดิบ Brent ยังเป็นทิศทางขาขึ้น ยืนบริเวณแตะ 130 เหรียญฯ แนะนำ Trading PTTEP, BANPU, BCP แต่ต้องติดตามประเด็นสงครามอย่างใกล้ชิด
2.)โอกาสการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ในปีนี้ : เชื่อว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน คือ คาด Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 25bps ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค. ติดตาม วันพฤหัสบดีนี้ คือ ตัวเลข HL Inflation และ Core Inflation ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. คาดยังทรงตัวสูง+7.9% YoY และ+6.4% YoY ตามลำดับ หากไม่ทำจุดสูงสุดใหม่ เชื่อว่าจะตอกย้ำ Fed จะชะลอการ Hawkish หรือชะลอการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ บวกต่อ BBIK, BE8, CHAYO, JMT
ด้านตลาดภายในประเทศ ต่างชาติเมื่อวานกลับมาซื้อสุทธิหุ้นไทย แต่ยังขายตราสารหนี้ทั้งระยะสั้น–ระยะยาวติดต่อกัน 2 วันหนุนค่าเงินบาทยังมีทิศทางอ่อนค่ายืนเหนือ 33 บาทต่อดอลลาร์ โดยประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้จะเห็นการ Rebound ประเมิน Flow จะไหลเข้าไปที่กลุ่ม Finance (TIDLOR, AEONTS)