ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “เจดีฟู้ด” ไอพีโอ 150 ล้านหุ้นเข้า SET ไตรมาส 2/65

HoonSmart.com>>  “เจดีฟู้ด” เดินหน้าเข้าเทรด SET คาดเสนอขาย 150 ล้านหุ้น ภายใน Q2/65 ชูจุดเด่นผู้เชี่ยวชาญพัฒนาสูตรและให้คำปรึกษาในการผลิตสินค้าเครื่องปรุงรสอาหารแบบครบวงจร ฐานลูกค้าบริษัทยักษ์ใหญ่แบรนด์ดัง ลุยอัพกำลังการผลิตพร้อมขยายตลาดทั้งไทย บุกครัวโลก โชว์วิสัยทัศน์ก้าวเป็นผู้ผลิตเครื่องปรุงรสชั้นนำของประเทศ  ‘ภากร’ เผยสถานการณ์ไม่แน่นอนมีบริษัทชะลอเข้าตลาด  หากบริษัทใดมีแผนใช้เงินชัดเจน ลุยต่อ

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท เจดีฟู้ด (JDF) เปิดเผยว่า ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของ JDF ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท โดย JDF จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร / อาหารและเครื่องดื่ม โดยเตรียมนำเสนอข้อมูลต่อนักลงทุน (โรดโชว์) ในช่วงกลางเดือนมี.ค.2565 นี้

นอกจากนี้เชื่อมั่นว่า ด้วยจุดแข็งของ JDF ในด้านประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ก่อตั้งบริษัทและผู้บริหารที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารมากกว่า 30 ปี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการพัฒนาสูตรอาหารให้แก่ลูกค้าในธุรกิจอาหารและร้านอาหารยักษ์ใหญ่ และ SMEs ด้วยกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์เฉพาะ ที่สามารถช่วยลูกค้าพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้ตรงความต้องการของตลาด ซึ่งได้พัฒนาสูตรมาแล้วกว่า 300 ราย หรือกว่า 2,000 เมนู นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมา JDF ได้สร้างโรงงานแห่งใหม่มาตรฐานรับรองคุณภาพในระดับสากล เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตพร้อมรองรับโอกาสการเติบโตในยุคหลังโควิด ก้าวสู่ผู้นำการพัฒนาและผลิตสูตรเครื่องปรุงรสให้ลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ

รัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์

นางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดีฟู้ด (JDF) กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตและพัฒนาสูตรเครื่องปรุงรสอาหารแบบครบวงจร (Food Seasoning) ตามความต้องการของลูกค้า และรับจ้างผลิตขนมขบเคี้ยวประเภทมะพร้าวอบกรอบ รวมทั้ง สินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทที่ต่อยอดพัฒนาความเชี่ยวชาญในการผลิตอาหารทั้ง ‘GOOD EATS’ ซุปกึ่งสำเร็จรูปที่มีรสชาติและคุณภาพระดับภัตตาคาร ปราศจากผงชูรสทุกชนิดสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ ‘กินดี’ หรือ ‘Kindee’ ผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหารที่ปราศจากผงชูรสทุกชนิดที่มีรสชาติที่เข้มข้นถูกปากคนไทย สะดวก ง่ายต่อการปรุง มะพร้าวอบกรอบแบรนด์ ‘Crispconut’ อาหารว่างสำหรับคนรักและใส่ใจสุขภาพ ผงเขย่าปรุงรสและไส้เบเกอรี่หรือฟิลลิ่งแบรนด์ ‘โอเค’ หรือ ‘OK’

ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน และขีดความสามารถขยายธุรกิจ โดยวัตถุประสงค์ที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อขยายช่องทางตลาดไปยังต่างประเทศ ทั้งประเทศในกลุ่ม CLMV ประเทศจีนตอนใต้และประเทศอินเดีย รวมทั้ง ลงทุนในการวิจัยและพัฒนารวมถึงเครื่องจักรของกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีอัตราการเติบโตสูงและลงทุนในระบบเทคโนโลยีและระบบกึ่งอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิต พัฒนาระบบการเชื่อมโยงด้านข้อมูล เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตและยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงิน

“JDF มีเป้าหมายระยะยาวก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องปรุงรสอาหารที่มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาเป็นหัวใจสำคัญและเป็นอีกฟันเฟืองในการสร้างความยั่งยืนให้ระบบนิเวศอุตสาหกรรมอาหาร ให้สามารถเติบโตสู่ครัวโลก ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีการลงทุนในการสร้างโรงงานใหม่บนพื้นที่ 33 ไร่ ที่จังหวัดสมุทรสาคร และเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องปรุงรสอาหารกว่า 75% จากกำลังการผลิตของโรงงานเดิม อย่างไรก็ดี สถานการณ์โควิดกระทบภาพรวมคำสั่งซื้อและการส่งออกของลูกค้าบริษัทฯ แต่เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารอยู่ในเทรนด์การเติบโตของโลก ประกอบกับฐานลูกค้าของ JDF เป็นบริษัทชั้นนำ ทำให้ความต้องการเครื่องปรุงรสยังคงอยู่ในระดับสูง” นางสาวรัตนา กล่าว

นอกจากนี้ ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2564 มีรายได้จากการขายและบริการ 420.95 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 26.60 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้น 29.0% อัตราส่วนกำไรสุทธิ 6.3 % คาดหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะเพิ่มโอกาสการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ ด้วยวิสัยทัศน์ “เราเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรส และอาหารแปรรูประดับประเทศ ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางทั่วโลก”

ด้านนาย ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์ที่ตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอน มีหุ้นที่เตรียมจะเสนอขายให้กับประชาชนครั้งแรก(IPO)เพื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ ชะลอแผน ซึ่งอาจจะรอให้ตลาดนิ่งก่อน หากไม่จำเป็นต้องการใช้เงินมากนัก ส่วนบริษัทไหนมีความจำเป็น มีแผนชัดเจนในการใช้เงิน และห่วงเรื่องดอกเบี้ยที่จะปรับตัวขึ้น ก็จะเข้าระดมทุน สถานนี้จึงแล้วแต่ความจำเป็นของแต่ละบริษัท

ส่วนแผนการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ เช่น การเปิด LiVE Exchange กระดานเทรดหุ้น SMEs สตาร์ทอัพ คาดว่าจะเปิดให้บริการไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ตามกำหนดเดิม