บล.คิงส์ฟอร์ดแนะหลุดแนวรับ 1,610 จุด ทยอยซื้อหุ้นแบงก์ สื่อสาร ค้าปลีก

HoonSmart.com>> “บล.คิงส์ฟอร์ด” วางแนวรับดัชนีวันนี้ 1,610 – 1,615 จุด หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงแรงเกือบ 800 จุด น้ำมันดิบพุ่งกระทบเศรษฐกิจโลก ติดตามครม.ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบ ด้านหุ้นแนะนำวันนี้ SGP-CHG

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,610 – 1,615 จุด แนวต้าน 1,630 – 1,640 จุด หากดัชนีปรับลดลงต่ำกว่า 1,610 แนะนำทยอยซื้อหุ้นกลุ่มหลัก เช่น ธนาคาร, สื่อสาร, ค้าปลีกจาก Valuation ดัชนีเริ่มถูกลง ระยะสั้นเก็งกำไร TWPC, UVAN, TVO, BANPU, TMT ( +สินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้น ) วันนี้ติดตามประชุม ครม.ออก มาตรการบรรเทาผลกระทบจากราคาน้ำมันพุ่ง

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนี DJIA-11%, S&P500 -12%, Nasdaq-18% YTD จากวิกฤตรัสเซีย – ยูเครนยืดเยื้อ ส่งผลให้สหรัฐ, พันธมิตรยุโรปใช้ ม.คว่ำบาตรเศรษฐกิจต่อรัสเซีย เช่น ตัดระบบรัสเซียออกจากระบบ Swift, ธุรกิจเริ่มถอนการลงทุนและสหรัฐเตรียมพิจารณาระงับการซื้อพลังงานจากรัสเซีย ส่งผลให้ WTI Futures เช้านี้ +1.10% อยู่ที่ 120.7 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยรัสเซียส่งออกก๊าชสู่ตลาดโลกคิดเป็น 17% และส่งออกไปยุโรป 40%

กอปรกับรัสเซียและยูเครนเป็นแหล่งผลิตอาหาร เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด และแร่&โลหะ เช่น นิเกิล, ทองแดง, พัลลาเดียม,อะลูมิเนี่ยม จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้สูงขึ้น อาจก่อนให้เกิดภาวะ Stagflation คือ เศรษฐกิจชะลอตัวในภาวะเงินเฟ้อสูง นักลงทุนเลือกถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ, ดอลลาร์และพันธบัตรสหรัฐ โดยการเจรจารอบ 3 วานนี้ยังไม่มีความคืบหน้า

ปัจจัยต่างประเทศวันพฤหัสติดตามการประชุม ECB คาดยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าถึงปลายปีนี้ รวมถึงประมาณการณ์ GDP, เงินเฟ้อจากผลกระทบวิกฤตยูเครน

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ SGP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Consensus N.A.) บริษัทเผยแผนการดำเนินธุรกิจในปี 65 ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน โดยปริมาณขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) อยู่ที่ราว 3.65 ล้านตัน จากปี 64 ที่มีปริมาณขายอยู่ที่ 3.29 ล้านตัน ปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการใช้ที่มากขึ้น หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายในหลายประเทศ และเริ่มเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มีความต้องการใช้ก๊าซเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ระยะสั้นยังมีปัจจัยหนุนจากราคาอ้างอิง Saudi Aramco Propane/Butane เดือน มี.ค.ที่ปรับตัวขึ้นเป็น 895$/ton และ 920$/ton ผ่าน High ที่ทำไว้ในเดือน ก.ย.64 โดยราคากลับมาปรับตัวขึ้นอีกครั้งตามทิศทางราคาน้ำมัน จึงทำให้มี Demand LPG เป็น Feedstock ทดแทน Naphtha สำหรับการผลิตปิโตรเคมี

CHG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 4.26 บาท) แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วง 1Q65 เบื้องต้นเราประเมินว่ามีโอกาสจะอ่อนตัวลง QoQ ได้จากการที่ในช่วง 4Q64 มีการรับรายได้ภาระเสี่ยงมากกว่าที่ประมาณการของทางร.พ. แต่ภาพรวมจะยังคงจะโดดเด่นจากรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ Covid-19

ขณะที่การดำเนินงานช่วงถัดไปPost-Covid-19 เมื่อเทียบกับ Pre-Covid-19 ยังมีความน่าสนใจจากปัจจัยหนุนจาก1.ธุรกิจการรับจ้างบริหารโรงพยาบาล(ปัจจุบันมี 2 แห่ง ร.พ.เมืองพัทยา และศูนย์แพทย์ชุมชนเกาะล้าน เมืองพัทยา) 2.การรับผู้ป่วยโรคหัวใจจากร.พ.อื่น(ศูนย์หัวใจสิริธร 2Q64, ร.พ.สมุทรปราการ 4Q64, ร.พ.ระยอง 1Q65) 3.จำนวนโควต้าผู้ประกันตนที่สูงขึ้น และ4.การเปิดร.พ.ใหม่โดยเฉพาะที่เป็นศูนย์เฉพาะทาง(คาดรพ.จุฬารัตน์ แม่สอด และ ศูนย์มะเร็งสุวรรณภมิ จะเปิดราวปี65-66)