HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 179 จุด นักลงทุนยังคงวิตกสงครามยูเครน แม้รายงานข้อมูลจ้างงานแข็งแกร่ง ตลาดหุ้นยุโรปร่วง ราคาน้ำมันดิบพุ่ง 7%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 5 มีนาคม 2565 ปิดที่ 33,614.80 จุด ลดลง 179.86 จุด หรือ 0.53% ฟื้นตัวจากที่ร่วงลงไปต่ำสุด 500 จุด แม้ข้อมูลการจ้างงานแข็งแกร่ง นักลงทุนยังคงกังวลผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,328.87 จุด ลดลง 34.62 จุด, -0.79%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,313.44 จุด ลดลง 224.50 จุด, -1.66%
ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 1.3% และลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 4 ดัชนี S&P500 ลดลง 1.3% ดัชนี Nasdaq ลดลง 2.8%
กระทรวงแรงงาน รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 678,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 440,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนอัตราการว่างงานลดลงมาที่ 3.8% ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 และต่ำกว่า 3.9% ที่นักวิเคราะห์คาด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงมาที่ 1.73% ขณะที่นักลงทุนยังคงหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อเลี่ยงความเสี่ยง หลังมีรายงานว่าสหรัฐฯ กำลังพิจารณาห้ามนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซีย เพื่อลงโทษรัสเซียจากการรุกรานยูเครน
ข้อมูลการจ้างงานถูกกลบด้วยสถานการณ์ยูเครน โดยตลาดอ่อนตัวลงหลังมีรายงานว่าเกิดเหตุไฟไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครนซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าใหญ่ที่สุดในยุโรป จากการโจมตีของกองกำลังทหารรัสเซีย และมีรายงานว่ากองกำลังรัสเซียได้เข้ายึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไว้แล้ว
นักวิเคราะห์จาก BNY Mellon Wealth Management กล่าวว่า ตลาดอาจเข้าสู่จุดต่ำสุด แต่ยากมากที่จะประเมินสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์แบบนี้ ทุกสงครามมีสถานการณ์ต่างกัน
ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น โดยราคาน้ำมัน West Texas Intermediate เพิ่มขึ้น 7% ไปที่เหนือ 115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมัน Brent เพิ่มขึ้นกว่า 6% ไปที่เกือบ 118 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หุ้นออกซิเดนทอลปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นมากกว่า 17% ส่วนหุ้นไดมอนด์เอ็นเนอร์จี้เพิ่มขึ้น 2.7%
ข้อมูลการจ้างงานตอกย้ำว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้มากพอที่จะให้ผู้กำหนดนโยบายการเงินยกเลิกมาตรการสนับสนุนได้
“ตัวเลขการจ้างงานในวันนี้ แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งพอที่จะรองรับวัฏจักรนโยบายการเงินตึงตัวอย่างรวดเร็ว ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความขัดแย้ง [ในยูเครน] ไม่มีผลต่อการเร่งดำเนินการของเฟด” นักวิเคราะห์จาก Principal Global Investors ระบุในบทวิเคราะห์
หุ้นธนาคารอ่อนตัวลง โดยหุ้นอเมริกันเอ็กซ์เพรสลดลง 3.8% และหุ้นเจพีมอร์แกนลดลง 2.8%
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวก็ลดลงเช่นกันโดยหุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลนลดลงมากกว่า 9% หุ้นเดลตาแอร์ไลน์ลดลง 5.6% และหุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ลดลง 7.1% หุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ลดลงด้วย โดย Microsoft ลดลง 2% และหุ้นแอปเปิลลดลง 1.8%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มธนาคารที่ลดลง 6.7% หลังการโจมตีและยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยูเครนของรัสเซีย
นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า แม้มีรายงานการสามารถควบคุมเหตุไฟไหม้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไว้ได้ แต่บ่งชี้ว่ารัสเซียเใกล้บรรลุเป้าหมาย และยิ่งทำให้สถานการณ์น่ากังวล รวมทั้งมีผลให้ราคาธัญพืชสูงขึ้น
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงาน ยอดค้าปลีกเดือนมกราคมยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.2% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 7.8% เมื่อเทียบรายปี
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 421.78 จุด ลดลง 15.58 จุด, -3.56%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,987.14 จุด ร่วงลง 251.71 จุด, -3.48%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,061.66 จุด ลดลง 316.71 จุด, -4.97%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,094.54 จุด ลดลง 603.86 จุด, -4.41%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น 8.01 ดอลลาร์ หรือ 7.4% ปิดที่ 115.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 7.65 ดอลลาร์ หรือ 6.9% ปิดที่ 118.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในรอบสัปดาห์นี้ น้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 26.3% ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent เพิ่มขึ้น 25.5%