ฟันด์โฟลว์ทะลักเข้าตลาดเกิดใหม่ กองทุนหาที่ลงทุนแทนรัสเซีย

HoonSmart.com>>บล.ทรีนีตี้ประเมิน MSCI-FTSE ถอดหุ้นรัสเซียออกจากการคำนวณดัชนีสำคัญทั้งหมด คาดหลังตลาดหุ้นรัสเซียกลับมาเปิดซื้อขาย กองทุน Passive Fund ต้องปรับพอร์ต มองตลาดเกิดใหม่เป็นเป้า ไทยได้รับอานิสงส์ 4,600 ล้านบาท ดีต่อ CPALL, PTT, SCC, ADVANC, AOT ที่มีน้ำหนักในการคำนวณสูง  ราคาพลังงานสูงหนุน PTTEP-BANPU-TVO เงินหลบภัยกลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มบริหารหนี้ แนะให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีต้นทุนพุ่ง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า คาดดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นมีโอกาสทดสอบแนวต้านแรกที่ระดับ 1,700 จุดอีกครั้ง หลังราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวในระดับสูง บวกกับ MSCI และ FTSE ตัดสินใจถอดหุ้นรัสเซียออกจากการคำนวณดัชนีสำคัญทั้งหมด รวมถึงดัชนีในกลุ่ม Emerging market  ซึ่งจะทำให้ประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market – EM) ที่อยู่ในดัชนีได้รับอานิสงส์จากฟันด์โฟลว์ ที่ถูกบังคับให้ไหลออกจากรัสเซีย

ทั้งนี้หากดูรายงานของ MSCI และ FTSE ล่าสุดจะพบว่าน้ำหนักของรัสเซียในตระกร้าดัชนี EM จะอยู่ที่ระดับ 1.5% และ 1.7% ตามลำดับ ขณะที่ไทยอยู่ที่ราว 1.85% และ 2.55% ตามลำดับ และยังคงคาดการณ์ว่าเม็ดเงินจากกองทุน Passive fund ที่ลงทุนตามดัชนีเหล่านี้ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยอย่างน้อย 140 ล้านเหรียญ หรือเทียบเท่า 4,600 ล้านบาท

ส่วนหุ้นที่ได้รับประโยชน์สูงสุด คือหุ้นที่มีน้ำหนักมากที่สุดในดัชนีต่างๆ CPALL,PTT,SCC,ADVANC,AOT ส่วนการบังคับใช้ดัชนีใหม่นั้น จะเกิดขึ้นในช่วงปิดตลาดของวันที่ 9 มี.ค. สำหรับ MSCI และวันที่ 4 ของ FTSE อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นรัสเซียยังปิดทำการเป็นวันที่ 4

“เมื่อไหร่ที่ตลาดหุ้นรัสเซียเปิด จะสุ่มเสี่ยงให้ตลาดหุ้นรัสเซียลงแรงไป กองทุน Passive Fund จะต้องปรับพอร์ตให้ล้อตามภาวะตลาด คาดว่าเม็ดเงินจะไหลเข้าตลาด EM ซึ่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย ที่มีหุ้นกลุ่มโภคภัณฑ์สัดส่วนสูง แต่ต่างชาติจะโยกเงินเข้ามาหลบภัยระยะสั้นเท่านั้น ไม่ได้มองเกมส์ยาวมาก เงินพร้อมจะไปซื้อหุ้นในตลาดที่ปรับตัวลงมามากกลัยบยลง ช่วงนี้แนะนำหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ กลุ่มโรงพยาบาล บริหารหนี้ ที่มีความผันผวนไม่มาก”นายณัฐชาตกล่าว

ในเชิงกลยุทธ์มองหาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบและแก๊สปรับตัวขึ้น เช่น PTTEP,BANPU,TVO  ในทางกลับกันยังคงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีสัดส่วนต้นทุนและบริการอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ระดับสูง เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า สายการบิน เดินเรือ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ รับเหมาก่อสร้าง เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์ และปศุสัตว์ เป็นต้น รวมถึงกลุ่มปั๊มน้ำมันที่มีแนวโน้มเผชิญค่าการตลาดที่อยู่ในระดับต่ำต่อไป

ด้านบล.โนมูระ พัฒนสินกล่าวว่า จากการเช็คข้อมูลล่าสุด FTSE จะถอดรัสเซียออก มีผลราคาปิดวันที 4 มีค2565 และ MSCI จะถอดรัสเซียออกเช้าวันที่ 7 มี.ค.2565

อย่างไรก็ตาม จะเป็นการ Delisting แบบ Zero Price Zero Value ดังนั้น จะไม่มีเม็ดเงินย้ายไปประเทศอื่นๆ จึงไม่ได้เป็นภาพบวกต่อไทยและ EM-Asia ตามที่เคยแจ้งในช่วงเช้า

ตลาดหุ้นวันที่ 3 มี.ค.2565 ดัชนีวิ่งขึ้นไปแตะสูงสุด 1,705.50 จุด ก่อนปิดที่ระดับ 1,696.08 จุด เพิ่มขึ้น 6.27 จุด หรือ +0.37% มูลค่าซื้อขาย 113,829.10 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 2,853.39 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยขาย 2,170.14 ล้านบาท สถาบันขาย 605.89 ล้านบาท นักลงทุนให้ความสนใจหุ้นพลังงาน นำ โดย  PTTEP ,BANPU และธีมเปิดเมือง เช่น กลุ่มธนาคาร,โรงแรม,AOT

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น แต่ยังไม่ผ่านแนว 1,700 จุด เป็นไปตาม Sentiment ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวกราว 0.5-1% หลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนมี.ค. 0.25% ไม่ใช่ 0.5% เหมือนอย่างที่กังวลกัน แต่สถานการณ์ยูเครนก็ยังมีความไม่แน่นอน

ทั้งนี้ ยังต้องติดตามการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ด้วย และติดตามสถานการณ์ยูเครนต่อไป

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 4 มี.ค.2565 ตลาดคงจะแกว่งตัว โดยมีแนวรับ 1,690 ถัดไป 1,680-1,683 จุด ส่วนแนวต้าน 1,700 จุด