HoonSmart.com>>หุ้น SCGP เทรด 2 วัน ราคาร่วงกว่า 11% ก่อนฟื้นเล็กน้อย กังวลต้นทุนราคาพลังงาน-ถ่านหินที่เร่งตัวสูงขึ้น ค่าขนส่งแพง หวั่นผลงานไตรมาส 1/65 ไม่ดี ปัจจัยพื้นฐานยังดี เหมาะลงทุนระยะกลาง แนะรอให้แรงขายอ่อนลงค่อยซื้อ ด้านเทคนิคเป็นขาลง ให้แนวรับ 52 แนวต้าน 60 บาท บล.เมย์แบงก์ให้มูลค่าเหมาะสม 75 บาทเท่ากับบล.ทรีนีตี้ บล.โนมูระ พัฒนสินมอง ราคาลงแรงเกินไป แนะเทรดดิ้ง เป้า 66 บาท
วันที่ 3 มี.ค. ราคาหุ้นบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP)ยังคงปรับตัวลงแรง ลงไปต่ำสุดแตะ 54.50 บาทในช่วงเช้า ก่อนเด้งขึ้นมาปิดที่ 56.75 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ -2.58% มูลค่าการซื้อขาย 2,100 ล้านบาท นับเป็นการปรับตัวเป็นวันที่สอง จากวันที่ 2 มี.ค. ปิดที่ 58.25 บาทลดลง -3.50 บาทหรือ -5.67% มูลค่าซื้อขาย 2,859.29 ล้านบาท รวมสองวันราคาปรับตัวลงมา 11.74% เทียบกับจุดต่ำสุดวันนี้ที่ 54.50 บาท ก่อนฟื้นปิดที่ 56.75 บาท ลดลง7.72% หรือหุ้นละ 4.75 บาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น SCGP เช้านี้ปรับตัวลงต่อเนื่องจากวานนี้ คาดว่านักลงทุนจะขายออกมาก่อนหลังจากที่มีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนราคาพลังงานที่ขึ้นมาเร็ว โดย SCGP ใช้ถ่านหิน และในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้ราคาถ่านหินปรับตัวขึ้นเร็วมาถึงตอนนี้ 400 เหรียญฯ/ตันแล้ว ซึ่งทำให้ต้นทุนเร่งตัวขึ้น แม้ว่า SCGP เวลาซื้อถ่านหินจะล็อกสัญญาเป็น Contact เกรดจะต่ำกว่าราคาถ่านหิน Newcastle ซึ่งที่ใช้จริง ๆ ต้นทุนไม่ได้ขึ้นแรง แต่เป็นภาพที่ให้เห็นการปรับขึ้นถ่านหินแน่นอน เพียงแต่จะบอกว่าผลกระทบอาจไม่แรงอย่างที่เห็น
นอกจากนี้ ค่าขนส่งแพง และความต้องการเรือสูง ซึ่งก็เป็นปัญหาด้านต้นทุนของ SCGP อย่างไรก็ดี ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.พ.) มาร์จิ้นยังดี สามารถขยับขึ้นได้จากไตรมาส 4/64 ผลกระทบงบฯไตรมาส 1/65 จีงไม่ได้เลวร้ายมาก
ทั้งนี้ ไตรมาส 3-4 ปี 64 SCGP ผลกำไรไม่เด่น เป็นเพราะต้นทุนเศษกระดาษสูงขึ้น แต่ตอนนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็มาโดนต้นทุนราคาถ่านหินที่ขึ้นเร็ว และค่าขนส่งแพง ทำให้กำไรไตรมาส 1/65 กำไรอาจจะยังไม่ดีแต่ในเชิงปัจจัยพื้นฐานของ SCGP ถือว่าดี สามารถลงทุนได้ในระยะกลาง ซึ่งเป็นหุ้นที่กองทุนเข้าลงทุนอยู่ เพียงแต่รอให้แรงขายอ่อนตัวลงก่อนค่อยซื้อ
ด้านสัญญาณทางเทคนิคของ SCGP เป็นขาลง หลังจากที่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันที่ 60 บาท พร้อมให้แนวรับ 52 บาท แนวต้าน 60 บาท
บล.เมย์แบงก์ออกบทวิเคราะห์ คงแนะนำซื้อ SCGP เป้าหมาย 75 บาท บริษัทใช้ถ่านหิน 5% ของต้นทุน และคนละเกรดกับ New Castle ที่วันนี้ปรับขึ้นเป็น 440 เหรียญสหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้น 60% จากสิ้นเดือนก.พ.
” SCGP ใช้ถ่านหินที่มีราคาถูกกว่ามากประมาณ 30-50% เพราะค่าความร้อนน้อยกว่า และบริษัทยังสั่งซื้อล่วงหน้าเพียงพอสำหรับปีนี้ประมาณ 75% ของความต้องการใช้ ส่วนต้นทุนส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบ คือเศษกระดาษ ประมาณ 64% ของต้นทุนรวม และเศษกระดาษจะใช้ในประเทศประมาณ 55-60% อีก 40-45% นำเข้า ต้นทุนเศษกระดาษจึงมีผลต่อผลประกอบการมากกว่าต้นทุนถ่านหินมาก”
แนวโน้มผลงานในไตรมาส 1 คาดว่าจะดีขึ้น เพราะราคาต้นทุนเศษกระดาษในช่วง 2 เดือนแรกลดลงเหลือ 275 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือประมาณ 1.8% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ในตช่วง 2เดือนแรกเพิ่มขึ้นเป็น 545 เหรียญสหรัฐ/ตัน หรือเพิ่มขึ้น 2.8% จากไตรมาสก่อน ทำให้สเปรดเพิ่มขึ้นเป็น 270 เหรียญ/ตัน หรือ 8% จากไตรมาสก่อนและ 10.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ปี 2565 ยังคาดหมายจะเติบโตสูงจากการขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และกลยุทธฺโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์ครบวงจร และการบูรณาการภายในห่วงโซ่คุณค่า ตั้งงบลงทุน 5 ปี 1 แสนล้านบาทเพื่อสนับสนุนการเติบโต
ด้านนายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้น SCGP ปรับตัวลงแรง เนื่องจากความกังวลราคาพลังงานสูง บริษัทใช้ปีละ 1.5 ล้านตัน หรือ 5% ของต้นทุนขาย ถ้าราคาถ่านหินปรับตัวขึ้น 10-15% จะส่งผลกระทบต่อกำไร 1,300-1,500 ล้านบาท แต่ปกติบริษัทจะมีการล็อกราคาล่วงหน้า ดังนั้นยังไม่มีต่อกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2565 จะมีผลในไตรมาส 2 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในปัจจุบนยังต่ำกว่าราคาเหมาะสมที่ให้ไว้ 74 บาท จึงยังคงแนะนำซื้อ
บล.โนมูระ พัฒนสินคงคำแนะเทรดดิ้ง SCGP ราคาเป้าหมาย 66 บาท ราคาที่ปรับตัวลงในวันที่ 3 มี.ค. 2565 คาดตลาดอาจกังวลใน 2 ประเด็น คือ1. อัตรากำไรที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน อย่างต้นทุนถ่านหิน (15% ของ cash cost) และต้นทุนกระดาษ (50% ของ cash cost) ที่อาจปรับตัวเพิ่มขึ้นตามค่าระวางเรือ และ 2.ความกังวลเรื่องของรายได้ที่มาจากยุโรปอาจลดลงจากประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
ทั้งนี้ มองว่าราคาที่ปรับลง คิดเป็นมูลค่าตลาดที่หายไปราว 1.5 หมื่นล้านบาทหรือมากกว่ากำไรทั้งปีของ SCGP ที่ 9,500-10,000 ล้านบาท ในปี 2565-2566 น่าจะสะท้อนความกังวลไปมากแล้ว ในขณะที่ไตรมาส1/2565 Spread ของกระดาษดีขึ้น 8% (ราคาเฉลี่ยในไตรมาส 4/64 = 250 ดอลลาร์/ตันเทียบกับปีก่อน 270 ดอลลาร์/ตัน) จากราคากระดาษปรับตัวขึ้นราว 6% ในขณะที่ต้นทุนกระดาษปรับตัวลดลง 2%
แม้ราคาหิน ICI 4 ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมราคาเฉลี่ย YTD ที่ 68 ดอลลาร์/ตัน ยังต่ำกว่า ราคาเฉลี่ยในไตรมาสที่ 4/2564 ที่ 93.77 ดอลลาร์/ตัน สัดส่วนรายได้ของ SCGP จากยุโรป อยู่ที่เพียง 2% (และไม่มีรายได้จากประเทศรัสเซีย) ไม่มีผลกระทบอย่างนัยยะ
“เรายังมีมุมมองบวก ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ ไตรมาส 1 /2565 ที่จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4ที่ผ่านมา ตาม อัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากราคากระดาษที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนกระดาษที่ลดลง ประกอบปริมาณขายที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ และรับรู้ delta lab เต็มไตรมาส “บล.โนมูระ พัฒนสินระบุ