“คิงส์ฟอร์ด” คาด SET ได้แรงหนุนกลุ่มพลังงานประคองดัชนี

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด มองตลาดหุ้นวันนี้แนวรับ 1,680 – 1,685 จุด แนวต้าน 1,700 จุด คาดได้แรงหนุนกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบพุ่ง หุ้นซื้อเก็งกำไรวันนี้ TKN-ILM

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,680 – 1,685 จุด แนวต้าน 1,700 – 1,705 จุด ผันผวนจากสถานการณ์รัสเซีย – ยูเครนแต่ยังได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน แนะนำซื้อ BAM, ADVANC, TRUE , HMPRO, OSP, UVAN (+กลุ่ม Defensive) / เก็งกำไร PTTEP, BANPU

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงหลัง DJIA -1.76%, S&P500 -1.55%, Nasdaq -1.59% รมว.กลาโหมรัสเซียสั่งปฏิบัติการโจมตีเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI Futures เช้านี้ +2.70% อยู่ที่ 106.2 ดอลลาร์/บาร์เรล

ขณะที่สหรัฐและพันธมิตรใข้มาตรการคว่ำบาตรด้วยการตัดรัสเซียออกจากระบบ Swift ส่งผลให้รัสเซียไม่สามารถใช้ทุนสำรองมีอยู่ 6.3 แสนล้านดอลลาร์ และกระทบต่อรายได้จากขายน้ำมันและพลังงานคิดเป็น 40% ของงบประมาณ รวมถึงความเสี่ยงเจ้าหนี้ต่างประเทศถูกรัสเซียผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารยุโรปถูกกระทบมากสุด คือ Raiffeisenของออสเตรียมีสัดส่วน 11% ของพอร์ตสินเชื่อ ยังต้องติดตามท่าทีของรัสเซียจะตั้งเป้าบุกยึดยูเครนเบ็ดเสร็จหรือไม่

ฝั่งสหรัฐเช้านี้ประธานาธิบดีไบเดนแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส ติดตามมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐและปัญหารัสเซีย – ยูเครน

ช่วงค่ำเจอโรม พาวเวลจะแถลงนโยบายการเงินต่อสภาผู้แทน ฯ ก่อนการประชุมเฟด 15 – 16 มี.ค. มีโอกาส 94.4% จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และเฟดอาจต้องนำปัจจัยรัสเซีย – ยูเครนจะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -2.37% กลุ่มธนาคาร, สินค้าฟุ่มเฟือย, เดินทาง &สันทนาการปรับลดลง ขณะที่กลุ่มบริการสุขภาพและเหมืองแร่ปรับขึ้นส่วน PMI ภาคการผลิตยูโรโซน ก.พ. ลดลงอยู่ที่ 58.2 &ม.ค.58.7 &คาด 58.4

ส่วนตลาดหุ้นไทยวานนี้นักลงทุนซื้อหุ้น Value & Defensive เป็นกลุ่มปลอดภัยในช่วงความผันผวนดัชนีสูง ขณะที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบน้อย โดยมีสัดส่วนส่งออกไปรัสเซียเพียง +0.40% แต่ถูกกระทบทางอ้อมจากราคาน้ำมันสูง โดย สรท. ประเมินหากสถานการณ์ยืดเยื้อถึงไตรมาส 2 อาจกระทบมูลค่าส่งออกไทยราว 4 – 5 พัน ล.ดอลลาร์

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ TKN (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus N.A.บาท) แนวโน้มผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วจากสัญญาณการฟื้นตัวใน 4Q64 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15% ถือเป็นการกลับมาเติบโตใกล้เคียงกับก่อนช่วง COVID-19 และคาดการณ์อัตรากำไรสุทธิจะกลับมาขยายตัวเป็นเลข 2 หลักได้ ด้วยการปรับกลยุทธ์ใหม่เพิ่มตัวแทนจำหน่าย (Distributor) ขยายช่องทางจำหน่ายครอบคลุม Modern / Traditional Trade และช่องทาง e-commerce สำหรับตลาดในประเทศ เตรียมพัฒนาและเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สาหร่ายทอด สาหร่ายอบกรอบรสชาติใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่สาหร่าย (Non-seaweed) รวมถึงเครื่องดื่มเข้ามาเพิ่มมากขึ้น

หุ้น ILM (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 21.30 บาท) กำไรสุทธิในช่วง 4Q64 อยู่ที่ระดับ 150.9 ลบ. (+5.6% YoY, +170.2% QoQ) ฟื้นตัวดีจากการ Reopening ขณะที่รายได้ค่าเช่าและการบริการกลับมาใกล้ระดับปกติที่ 131.4 ลบ. (+3.6% YoY, +36.7% QoQ) สำหรับการดำเนินงานในช่วง 1H65 ยังมีแรงหนุนจาก “ช็อปดีมีคืน” และ พื้นที่ให้เช่าซึ่งเปิดให้ผู้เช่าหลากหลายมากขึ้น(เช่น COM7*)

ขณะที่ระยะถัดไปยังมีโอกาสเห็นการเติบโตได้จากต่างประเทศโดย ช่วงปลายปี64 ที่ผ่านมา ILM* ได้ร่วมมือกับ PT Mitra Adiperkasa (MAP Group) ในการเปิดให้บริการแฟรนไชส์ Index Living Mall ในประเทศอินโดนีเซีย 2 สาขาและมีแผนเปิดเพิ่มอีกในอนาคต ทั้งนี้ตลาดคาด EPS ปี65 และ ปี66 ฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี64 ที่ 0.90 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 1.17 บาท/หุ้น และ 1.36 บาท/หุ้น ตามลำดับ