HoonSmart.com>> “เอสวีไอ” โชว์กำไรปี 64 จำนวน 1,408 ล้านบาท เติบโต 105% กวาดยอดขาย 17,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายไร้สายสำหรับสื่อสาร ยานยนต์ ไมโครอิเล็กทรอนิกส์เติบโต บอร์ดเคาะจ่ายปันผลหุ้นละ 0.23 บาท ขึ้น XD 5 พ.ค. จ่ายเงิน 17 พ.ค.65 พร้อมตั้งเป้าปี 65 รายได้แตะ 2.4 หมืนล้านบาท รับแผนเชิงกลยุทธ์มุ่งขยายกำลังการผลิตป้อนความต้องการลูกค้า
บริษัท เอสวีไอ (SVI) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2564 มีกำไรสุทธิ 1,407.62 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.65 บาท เพิ่มขึ้น 105.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 686.49 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.32 บาท
บริษัทฯ มียอดขายรวมในปี 2564 จำนวน 17,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,177 ล้านบาท หรือ 13.9% จากปีก่อน โดยเติบโตจากอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายไร้สายสำหรับสื่อสาร ระบบควบคุมอุตสาหกรรม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์และอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์เป็นสำคัญ ในอนาคตกลุ่มต่างๆ เหล่านี้จะยังคงมีส่วนช่วยในการเติบโตของบริษัท เนืองจากเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
คณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.23 บาท คิดเป็นเงิน 495.24 ล้านบาท (ไม่นับรวมหุ้นซื้อคืน) หรือคิดเป็นอัตรา 35.18% ของกำไรสุทธิจาการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 6 พ.ค. 2565 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 5 พ.ค. 2565 และจ่ายเงินในวันที่ 17 พ.ค. 2565
นายกริช ลี้ถาวร ผู้บริหารด้านการเงิน บริษัท เอสวีไอ (SVI) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2564 (ตุลาคม-ธันวาคม) บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% และทำกำไรสุทธิ 574 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 463% หากเทียบกับไตรมาส 4/2563 ที่มีรายได้รวม 3,698 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตก้าวกระโดด และช่วยผลักดันผลการดำเนินงานทั้งปี 2564 ของ SVI สูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการก่อตั้งบริษัทฯ โดยทำรายได้รวมสูงถึง 17,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% และมีกำไรสุทธิ 1,408 ล้านบาท เติบโตถึง 105% เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานทั้งปี 2563 ที่มีรายได้รวม 15,282 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 686 ล้านบาท
ความสำเร็จของการดำเนินงานครั้งนี้ มาจากแผนยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของ SVI ที่มุ่งขยายตลาดผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ในอุตสาหกรรม 5G เช่น อุปกรณ์ที่ใช้ส่งสัญญาณความเร็วสูงสำหรับ 5G หรือ Optical transceiver กล้องวงจรปิดที่รองรับเทคโนโลยีAI ป้ายราคาอัจฉริยะ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ยานยนต์อัจฉริยะและขนส่งสาธารณะ เป็นต้น ซึ่งความต้องการในผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีการเติบโตสูงมากในตลาดโลกส่งผลให้ SVI มียอดขายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน SVI ยังบริหารจัดการด้านต้นทุนและซัพพลายเชนในการจัดซื้อวัตถุดิบที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงเจรจาปรับราคาสินค้ากับคู่ค้าได้ ทำให้อัตรากำไรสุทธิปี 2564 เพิ่มเป็น 8.1% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.5% และมีอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เพิ่มเป็น 0.65 บาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีก่อนอยู่ที่ 0.30 บาทต่อหุ้น
นายกริช กล่าวว่า การดำเนินงานปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตรายได้ 24,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38% โดยมีแผนการลงทุนเชิงกลยุทธ์เพิ่มศักยภาพฐานการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ที่ต้องการให้ฐานการผลิตในกัมพูชาและไทยเป็นฐานการผลิตสินค้าที่มีวอลุ่มสูงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ ป้อนความต้องการในภาคอุตสาหกรรม 5G รองรับแผนขยายตลาดไปยังประเทศสหรัฐฯ เพิ่มเติม จึงลงทุนเพิ่มพื้นที่ฐานการผลิตที่โรงงานประเทศกัมพูชาเป็น 35,000 ตารางเมตรจากเดิมที่มี 10,000 ตารางเมตร ขณะที่ฐานการผลิตที่ประเทศสโลวาเกีย จะเพิ่มพื้นที่การผลิตเป็น 11,000 ตารางเมตร จากเดิม 6,500 ตารางเมตร รองรับการทำตลาดผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ยานยนต์อัจฉริยะในภาคพื้นยุโรป
ขณะเดียวกัน ยังมุ่งบริหารจัดการด้านต้นทุนและซัพพลายเชนให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการขาดแคลนชิปอิเล็กทรอนิคส์ที่เป็นแรงกดดันอุตสาหกรรมฯ และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิปอิเล็กทรอนิคส์ลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตและเริ่มทยอยเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา คาดจะสามารถเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์อย่างเต็มกำลังในครึ่งหลังปี 2565 ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตลดลงและเพิ่มความสามารถการทำกำไรที่ดีให้แก่บริษัทฯ