หุ้นเช้านี้บวก 8.33 จุด หลังเฟดไม่เร่งขึ้นดบ.รุนแรง

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นเช้านี้บวก 8.33 จุด ยังติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ขณะที่เฟดส่งสัญญาณยังไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ยเร็ว-รุนแรง ปัจจัยในประเทศให้น้ำหนักบวกกับการฟื้นตัวเศรษฐกิจ มองหุ้น Domestic และ Value Play จะยังคงปรับตัวได้แข็งแรง พร้อมให้กรอบแกว่ง 1,685-1,715 จุด

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 17 ก.พ.2565 ปรับตัวขึ้น ณ เวลา 10.02 น. อยู่ที่ระดับ 1,709.78 จุด เพิ่มขึ้น 8.33 จุด หรือ +0.49% มูลค่าซื้อขาย 7,261.88 ล้านบาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาด SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,695-1,708 จุด โดยปัจจัยที่ต้องติดตามยังอยู่ที่สถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน และดูว่าจะมีการเจรจาเพื่อให้สถานการณ์ผ่อนคลายหรือไม่ ขณะที่รายงานการประชุม ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดือน ม.ค. ที่ออกมาเมื่อคืนระบุว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ๆ นี้ และพร้อมเริ่มลดขนาดงบดุลอย่างรวดเร็วหากจำเป็น ซึ่งแม้จะสะท้อนให้เห็นการตึงตัวของนโยบายการเงินที่เร็ว แต่ถือว่ายังอยู่ในคาดการณ์และตลาดไม่ได้ตอบรับเชิงลบนักในแง่การเทขายสินทรัพย์เสี่ยง

ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงให้น้ำหนักบวกกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากที่สุด และยังมองว่าหุ้น Domestic และ Value Play จะยังคงปรับตัวได้แข็งแรงกว่า โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ค้าปลีก อสังหาฯ ยานยนต์ ส่วนภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวชัดขึ้นในครึ่งหลังปี 65 หนุนการเติบโตระยะยาวและหนุนกระแสเงินทุนให้ยังอยู่ในแนวโน้มไหลเข้า กลยุทธ์ยังเน้นลงทุนในหุ้นที่คาดมีกำไรไตรมาส 4/64 แข็งแกร่งและ PER/PBV ไม่สูง

หุ้นเด่นวันนี้ TKS แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22 บาท คาดกำไรไตรมาส 4/64 เติบโตโดดเด่นตาม SYNEX ที่เป็น High Season ขณะที่ไตรมาส 1/65 คาดยังแข็งแรงต่อเนื่อง และได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปดีมีคืน ซึ่งผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้า IT มากที่สุด ด้านราคาหุ้นที่ปรับลงแรงทำให้ Upside กลับมาเปิดกว้าง และเป็นหุ้น Tech ที่เทรด PER ต่ำเพียง 14 เท่า รวมถึงให้ Dividend Yield เกือบ 4% พร้อมให้ แนวรับ 15-14.80 บาท แนวต้าน 15.50//16 บาท

บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,685-1,715 จุด โดยคาดว่า SET ยังมีแนวโน้มผันผวน แม้จะมีการคาดหมายการดำเนินนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศ Emerging Market ที่ยังคงดำเนินนโยบายผ่อนคลาย เมื่อเทียบกับ Developed market อย่าง สหรัฐฯ และยุโรป แต่จากรายงานเฟดล่าสุดที่ยังไม่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง (ให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ยเดือน มี.ค. ที่ 0.25%) ถือว่า Hawkish น้อยกว่าที่คาด

นอกจากนี้ Earnings Yield Gap ที่แคบลง จากการเร่งตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จะยิ่งเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของตลาด จึงมองประเด็นดังกล่าวจะยังไม่ถึงกับเป็นปัจจัยเร่ง Fund Flow ไหลออก แต่การลงทุนให้น้ำหนัก Selective หุ้นในกลุ่ม Big Cap เลือก AOT MINT PTT BDMS CRC CPN CPALL และ KCE เป็นหุ้นเด่น

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK อยู่ที่ 172.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +1.17% มูลค่าซื้อขาย 810.56 ล้านบาท
OR อยู่ที่ 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +2.94% มูลค่าซื้อขาย 433.14 ล้านบาท
TOP อยู่ที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ +2.37% มูลค่าซื้อขาย 321.56 ล้านบาท
SCB อยู่ที่ 135.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.37% มูลค่าซื้อขาย 319.05 ล้านบาท
CPALL อยู่ที่ 65.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ +1.16% มูลค่าซื้อขาย 285.30 ล้านบาท