หุ้น NEX, EA ขึ้นนำกลุ่ม EV Car เล็งผลบวกมาตรการกระตุ้นการใช้รถ

HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ขยับขึ้นทั่วหน้า นำโดยหุ้น NEX, EA เล็งนำมาตรการกระตุ้น EV เข้าที่ประชุมครม. โบรกฯมองหุ้นที่จะได้ผลบวกและจะ outperform ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่ EA และ GPSC (“ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 90.00 บาท) และผู้ประกอบรถ EV ได้แก่ NEX

หุ้นในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า (EV Car) ขยับขึ้นทั่วหน้า เมื่อเวลา 11.02 น. นำโดยหุ้น NEX พุ่ง 9.44% มาอยู่ที่ 19.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.70 บาท มูลค่าซื้อขาย 316.63 ล้านบาท
หุ้น EA บวก 4.64% มาอยู่ที่ 95.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,985.35 ล้านบาท
หุ้น HANA บวก 2.50% มาอยู่ที่ 61.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 268.55 ล้านบาท
หุ้น EPG บวก 1.98% มาอยู่ที่ 10.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 31.72 ล้านบาท
หุ้น GPSC บวก 1.69% มาอยู่ที่ 75.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 705.34 ล้านบาท
หุ้น KCE บวก 1.69% มาอยู่ที่ 60.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 683.62 ล้านบาท

บล.เคทีบีเอสที ให้น้ำหนักลงทุนเป็นกลางสำหรับหุ้นในกลุ่มยานยนต์ แม้จะมีข่าวเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้น EV เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้ เพื่อสนับสนุนความต้องการใช้รถ EV ในประเทศมากขึ้น โดยแพคเกจที่บอร์ดอีวีจะมีการเสนอนั้นครอบคลุม ทั้งรถยนต์ รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ สำหรับมาตรการดังกล่าวแบ่งเป็น2 ช่วง ได้แก่ปี 2022-25 ส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า 3 กลุ่ม คือ 1.เงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะคันละ70,000-150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน

2.ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0% 3.ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ถึงปี 2566 4.ยกเว้นอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ

ทั้งนี้ค่ายรถที่เข้าร่วมต้องรับเงื่อนไข ได้แก่ 1.ผลิตชดเชยให้เท่ากับจำนวนที่นำเข้า CBU ช่วงปี 65-66 ในปี 67 แต่ขยายเวลาได้ ถึงปี 68 จะต้องผลิตในอัตราส่วน 1.5 เท่า (นำเข้า 1 คัน ผลิต 1.5 คัน) ผู้ใช้สิทธิ์จะผลิต BEV รุ่นใดก็ได้เพื่อชดเชย ยกเว้นรถที่มีราคาขายปลีกราคา 2-7 ล้านบาทต้องผลิตรุ่นเดียวกับที่นำเข้ามา เป็นต้น

ฝ่ายวิจัย มองเป็นกลางต่อกลุ่มยานยนต์ จากมาตรการดังกล่าวประเมินว่าจะมีผลจูงใจให้มีการนำเข้ารถ EV เพิ่มขึ้น จะมีผลกระทบต่อยอดผลิตรถยนต์ในประเทศในช่วง 1-2 ปี ได้ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะช่วยเร่งกระตุ้นการลงทุนเพื่อผลิตรถ EV ในระยะยาว เนื่องจากต้องมีการผลิตในประเทศชดเชย ทั้งนี้ ประเมินว่าจะมีผลกระทบต่อ SAT จำกัด เนื่องจากส่วนใหญ่จะผลิตชิ้นส่วนรถกระบะเป็นหลัก ขณะที่ระยะยาวยังคงต้องติดตามว่า SAT จะมีการพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์เพื่อรองรับรถ EV ได้เพียงใด ทั้งนี้ ปัจจุบัน SAT มีรายได้จากการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ราว 3%-5% ของรายได้ที่จะมีผลกระทบ

ส่วนหุ้น top pick ได้แก่ SAT แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 29.00 บาท จากแนวโน้มยอดผลิตรถยนต์ในปี 65 ที่จะฟื้นตัว สำหรับหุ้นที่จะได้ผลบวกและจะ outperform จากข่าวดังกล่าว ได้แก่ กลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่ EA และ GPSC (“ซื้อ”ราคาเป้าหมาย 90.00 บาท) และผู้ประกอบรถ EV ได้แก่ NEX