HoonSmart.com>> หุ้นในกลุ่มโรงกลั่น-น้ำมันขยับขึ้นยกแผง นำโดย TOP, BCP, ESSO, PTTEP ขานรับราคาน้ำมันทรงตัวสูง กลุ่มพลังงาน โดยภาพรวมได้อัตรากำไรของธุรกิจต้นน้ำ และ Stock gain ของโรงกลั่นหนุน ซึ่งเพียงพอชดเชยผลกระทบสเปรดปิโตรเคมีที่ลดลงได้ หนุนประมานการกำไรจะเพิ่มขึ้น 3.2% พร้อมเชียร์”ซื้อ”BCP ระยะสั้นมี 2 ปัจจัยบวก คือ รับประโยชน์ด้าน Stock และแผนปรับลดภาษีสรรพสามิตรน้ำมันดีเซล 3 บาท ช่วยผ่อนคลายค่าการตลาด ธุรกิจปั๊ม
เมื่อเวลา 10.19 น.หุ้นในกลุ่มโรงกลั่น และกลุ่มน้ำมันต่างปรับตัวขึ้นทั่วหน้า นำโดยหุ้น TOP บวก 2.83% มาอยู่ที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 238.87 ล้านบาท
หุ้น BCP บวก 2.59% มาอยู่ที่ 29.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 52.55 ล้านบาท
หุ้น ESSO บวก 2.58% มาอยู่ที่ 7.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 43.52 ล้านบาท
หุ้น PTTEP บวก 2.29% มาอยู่ที่ 134.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 817.60 ล้านบาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยน้ำมันดิบ Brent ยืนเหนือระดับ 80 เหรียญฯ/บาร์เรล ตั้งแต่ต้น ม.ค.ที่ผ่าน และล่าสุดพุ่งทะลุ 90 เหรียญ/บาร์เรล เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลกที่ทยอยฟื้นตัว ทำให้ความต้องการน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ขณะที่ทางฝั่ง Supply ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบต่างๆ ของประเทศผู้ผลิตน้ำมันเป็นระยะๆ จึงได้จัดทำผลกระทบรายอุตสาหกรรม ในกรณีที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นสู่ 100 เหรียญฯ/บาร์เรล
กลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านบวกโดยตรง คือกลุ่มพลังงาน (Energy) โดยภาพรวมได้อัตรากำไรของธุรกิจต้นน้ำ และ Stock gain ของโรงกลั่นหนุน ซึ่งเพียงพอชดเชยผลกระทบสเปรดปิโตรเคมีที่ลดลงได้ หนุนประมานการกำไรจะเพิ่มขึ้น 3.2%
พร้อมแนะนำหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ราคาเป้าหมาย 40 บาท คาดกำไรปกติไตรมาส 4/64 ของ BCP ราว 2,347 ล้านบาท (+1,326% y-y, +36% q-q) stock gain, ธุรกิจโรงกลั่น และ E&P ดีกว่าที่คิด โดยกำไรปกติโตสูง y-y q-q เพราะธุรกิจโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นเพิ่มสูงตามการใช้น้ำมันโลก, ธุรกิจ E&P แหล่งใหม่เริ่มผลิต และ อัตรากำไรเพิ่มตามราคาขายเฉลี่ย รวมถึง stock gain หนุน โดยคาดกำไรปกติ ปี 64 ที่ 8,144 ลบ. และคาดกำไรปกติปี 65 ราว 3,430 ล้านบาท (-58% y-y) ลดลง หลัก ๆ เพราะ ไม่มี stock gain ก้อนใหญ่ราว 6,481 ลบ. เหมือน ปี 64 แต่หากพิจารณา Core operation จะฟื้น y-y เพราะธุรกิจโรงกลั่นที่ค่าการกลั่นฟื้นมาที่ 6.3 เหรียญฯ/บาร์เรล (+35% y-y) ได้ความต้องการใช้น้ำมันที่ฟื้นต่อเนื่องหนุน และธุรกิจการตลาดฟื้นจากไม่มีล็อกดาวน์ และธุรกิจไฟฟ้ามีกำลังการผลิตใหม่ในญี่ปุ่น หนุน
ด้าน Valuation ราคาหุ้นยังคง Laggard กลุ่ม (PBV 0.7 เท่า และกลุ่ม 0.9-1.2 เท่า)
พร้อมมองประเด็นระยะสั้นมี 2 ปัจจัยบวก คือ รับประโยชน์ด้าน Stock gain จาก Geopolitical risk และแผนปรับลดภาษีสรรพสามิตรน้ำมันดีเซล 3 บาท ช่วยผ่อนคลายค่าการตลาด ธุรกิจปั๊ม