ASPS เปิดโผหุ้นได้-เสียเงินเฟ้อพุ่ง ดอกเบี้ยขึ้น ชี้เป้ากลุ่ม Outperform

HoonSmart.com>> “บล.เอเซีย พลัส” ชี้เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งเกินคาด หนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าตลาดคาด MEYG แคบลงอีก แนะกลยุทธ์ถือเงินสด 10% เน้นหุ้นขนาดใหญ่ราคาผันผวนต่ำ หุ้นมีเกราะป้องกันเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น ชี้เป้าหุ้นได้ผลบวก-ถูกกระทบจากเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขึ้น พร้อมเปิดโผกลุ่มหุ้น Outperform ช่วงเงินเฟ้อขาขึ้น ยังแนะลงทุนหุ้นแบงก์ ท่องเที่ยว ICT และปิโตรเคมี

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส (ASPS) ออกบทวิเคราะห์หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนม.ค.ออกมา 7.5% (สูงสุดในรอบ 40 ปี) และสูงกว่าที่ Consensus คาดที่ 7.2% เช่นเดียวกับ Core inflation ในเดือนเดียวกันอยู่ที่ 6% ออกมาสูงกว่าคาด ทำให้มุมมองตลาดในปัจจุบัน อิงผลสำรวจใน Bloomberg คาด Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 6 ครั้งจากการประชุม Fed ในปีนี้เหลือ 7 ครั้ง และคาดการณ์ขึ้นครั้งแรก ยังคงมุมมองเดิม คือ ขึ้นรอบ มี.ค. แต่คาดโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ทำให้ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐอยู่ที่ 0.75% (จากเดิมคาดขึ้นแค่ 0.25%)

ASPS ประเมินว่า Consensus ในตลาดมีมุมมองต่อการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้ในอัตราเร่งมากขึ้น เชื่อว่าสินทรัพย์เสี่ยงยังผันผวนรอรายงาน Fed Minutes วันที่ 16 ก.พ. (คาดรอรายละเอียดเรื่องดอกเบี้ย การลด Balance sheet) รวมถึงการส่งสัญญาณเรื่องปรับลดงบดุลอย่างไร ซึ่งหาก Fed Minute ส่งสัญญาณว่าการลดงบดุลอาจเกิดเร็วกว่าคาด อาจสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นโลกได้

ทั้งนี้ ในอดีตเวลาที่ Fed ลดงบดุลในช่วงแรกราว 4 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 15 เดือน) กดดันตลาดหุ้นโลกปรับฐานราว -7 ถึง -11% ความกังวลว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยในอดีตเลยกดดันให้ตลาดหุ้นปรับฐานได้ก่อนบ้าง

ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังถือว่ามีความได้เปรียบ เนื่องจากหาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยถึง 6 ครั้ง จะกดดันให้ Forward Market Earning Yield Gap สหรัฐลดลงต่ำกว่า 3% ต่างกับตลาดหุ้นไทยที่ยังได้สภาพคล่องส่วนเกินจากสินทรัพย์ปลอดภัยคอยหนุน (คาด กนง. ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้) หนุน Forward Market Earning Yield Gap ไทยยังกว้างอยู่เกิน 4% ทำให้ Fund Flow ยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ ภายใต้นโยบายการเงินโลกตึงตัวมากขึ้น

ASPS มองภาพรวมช่วงสั้นเงินไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยง เห็นจากตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อวานปรับฐานลง (ดัชนี Nasdaq ปรับลงมากสุด 2.1% Dow jones -1.8% S&P500 -1.47%) คาดจะเป็น Sentiment ลบต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ขณะที่ Bond Yields สหรัฐอายุ 2 ปี และ 10 ปีปรับขึ้นแรง และทำจุดสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี อยู่ที่ 1.58% และ 2.035% ตามลำดับ (Sentiment บวก ต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และกลุ่มประกันชีวิต อาทิ BLA)

สำหรับคำแนะนำลงทุนช่วงที่ความกังวลเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูง ASPS ทำการศึกษาในอดีตช่วงที่เงินเฟ้อโลกและไทยเป็นขาขึ้นในช่วงปี 2550-2551 พบว่า Sector ที่ Outperform ของไทย เช่น กลุ่มปิโตร-น้ำมัน ตามราคาน้ำมัน, กลุ่มประกัน กลุ่มอาหาร และกลุ่ม ICT และอีกการศึกษาในล่าสุดช่วง ระหว่าง 5-27 ม.ค.2565 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดกังวล Fed ขึ้นดอกเบี้ยฯ พบว่า Sector ที่ Outperform คือกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่ม ICT และกลุ่มปิโตรเคมี โดยรวมยังแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ Outperform

“กลยุทธ์การลงทุน ถือเงินสด 10% แนะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ราคาผันผวนต่ำ ได้แก่ ADVANC, MAKRO และหุ้นมีเกราะป้องกันดอกเบี้ยขาขึ้น KBANK เป็น Toppicks”ASPS แนะนำ


สำหรับหุ้นไทยมีเกราะป้องกันเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่ กลุ่มโภคภัณฑ์ เช่น CPF, TFG, GFPT, NER, KSL, PTTEP, PTT, TOP, PTTGC, IVL กลุ่มธนาคารพาณิชย์และประกัน ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, BLA กลุ่มปันผลสูง ได้แก่ AP, TISCO, SCC, ADVANC กลุ่มส่งออก ได้แก่ HANA, SVI, DELTA, KCE, TU, SAT, AH

ส่วนหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อขยายตัวและดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL, CRC, COM7, SPVI, HMPRO, DOHOME กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ SPALI, LH กลุ่มเช่าซื้อ ได้แก่ MTC, TIDLOR , SAWAD

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำถือเงินสด 10% แนะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ๋ราคาผันผวนต่ำ ADVANC, MAKRO และหุ้นมีเกราะป้องกันดอกเบี้ยขาขึ้น KBANK เป็น Toppicks