ดาวโจนส์ปิดทรุด 526 จุด เงินเฟ้อพุ่ง 7.5% เกินคาด

HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วง ดัชนีดาวโจนส์ปิดทรุด 526 จุด หลังเงินเฟ้อพุ่ง 7.5% สูงเกินคาด บอนด์ยีลด์ขึ้นเหนือ 2% ตัวเลขยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ลบ ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น เบรนท์ลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565 ปิดที่ 35,241.59 จุด ลดลง 526.47 จุด หรือ -1.47% จากเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดและส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งสูง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,504.08 จุด ลดลง 83.10 จุด, -1.81%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,185.64 จุด ลดลง 304.73 จุด, -2.10%

นักลงทุนเก็งว่าธนาคารกลาง(เฟด)จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)เดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 7.5% จากระยะเดียวกันของปีก่อน สูงสุดนับตั้งปี 1982 และสูงกว่า 7.2% ที่นักวิเคราะห์คาด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นไปที่เหนือระดับ 2% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 26 จุด สูงสุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งเป็นสัญญานว่า เฟดจะดำเนินการอย่างมากเพื่อคุมเงินเฟ้อไม่ให้สูงกว่านี้

นักวิเคราะห์จาก LPL Financial กล่าวว่า ด้วยเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด ตลาดจึงกังวลว่าเฟดจะดำเนินการเชิงรุก และโดยที่สภาวะโดยรวม ตลาดวิตกว่าเฟดจะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดกว่าปกติจนว่าจะมีสัญญานว่าควบคุมเงินเฟ้อได้

นอกจากนี้ความเห็นของประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ก็มีผลต่อกดดันตลาด โดยนายเจมส์ บุลลาร์ดให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า เขาเปิดกว้างสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมีนาคม และต้องการเห็นเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

หุ้นไมโครซอฟต์ลดลง 2.8% หุ้นอี-คอมเมิร์ซ Shopify ลดลง 3.4% หุ้น Adobe ลดลง 5% ด้วยความกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะกดดันหุ้นเทคโนโลยีและหุ้น growth stock อื่น

นักวิเศรษฐศาสตร์การเงินจาก Oxford Economics กล่าวว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีที่พุ่งไปเหนือระดับ 2% รวมเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด มีผลทางลบต่อราคาหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีหนี้สูง เช่นเทคโนโลยี ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจะช่วยชดเชยผลกระทบได้แต่ การดำเนินนโยบายเชิงรุกของเฟดจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

ตลาดคาดว่ามีความเป็นไปได้ 61% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยถึง 7 ครั้งในปีนี้ ซึ่งหมายถึงว่าจะปรับในทุกการประชุมไปจนถึงสิ้นปี 2022

นักเศรษฐศาสตร์จากซิตี้แบงก์ปรับคาดการณ์เป็นว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมีนาคมนี้

หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยลดลง โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ลดลง 1.86

ด้านกระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ก่อนจำนวน 223,000 ราย ต่ำกว่า 230,000 ที่นักวิเคราะห์คาด

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 1.1% หลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือนมกราคม ตอกย้ำการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้บริษัทจดทะเบียนรายงานผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด

หุ้น Siemens บริษัทเทคโนโลนีในเยอรมนีเพิ่มขึ้น เกือบ 5%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 472.35 จุด ลดลง 0.98 จุด, -0.21%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,672.40 จุด เพิ่มขึ้น 28.98 จุด, +0.38%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,101.55 จุด ลดลง 29.33 จุด , -0.41%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,490.44 จุด เพิ่มขึ้น 8.43 จุด, +0.05%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ ปิดที่ 89.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ ปิดที่ 91.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล