“เคบี เจ แคปปิตอล” ตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้โต 2 เท่า ลั่น 5 ปีขึ้นท็อปเทน Non Bank

HoonSmart.com>> “เคบี เจ แคปปิตอล” แบรนด์ยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้ ฉลองความสำเร็จครบรอบ 1 ปี รุกตลาดสินเชื่อไทยกวาดยอดโต 2 เท่า ตั้งเป้าปี 65 ยอดสินเชื่อโตอีก 2 เท่า รุกออกบัตรเงินสดเจาะลูกค้าใหม่ อนุมัติได้ทันที ดอกเบี้ย 0% ในเดือนแรก พร้อมตั้งเป้าขึ้นสู่ท็อปเทน Non Bank ไทยใน 5 ปี ฟาก CEO มองไทยเป็นตลาด Non Bank ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

วอนซอค จ็อง

นายวอนซอค จ็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเคบี เจ แคปปิตอล จำกัด แบรนด์ยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จการดำเนินธุรกิจสินเชื่อบุคคลในไทยตั้งแต่ปีแรก โดยปี 2564 มีปริมาณสินเชื่อที่อนุมัติเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ถึงสองเท่าตัว เนื่องมาจากการนำระบบ new credit scoring system หรือระบบไอทีระดับสูงสำหรับสถาบันการเงินที่เรียกว่าระบบ HQ Global Capital ของเกาหลีที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและยืดหยุ่นมาใช้ เมื่อผสมผสานกับความเชี่ยวชาญด้านผู้บริโภคที่มีความหลากหลายของกลุ่มเจมาร์ททำให้การดำเนินการปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น”

“ปีที่แล้วเป็นช่วงเวลาของการสร้างรากฐาน หลังจากประกาศร่วมทุนในเดือนมกราคม 2564 และภายใต้แบรนด์ใหม่เราได้เริ่มดำเนินการในการวางโครงสร้างธุรกิจ พัฒนาระบบและแพลตฟอร์ม ทำให้บริษัทเหมาะกับมาตรฐานโลก ปรับเปลี่ยนแนวทางด้านการจัดการความเสี่ยงและด้านอื่น ๆ ซึ่งบริษัทฯ ยังพัฒนาทุกมิติอย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดตามเป้าหมายที่วางไว้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” นายวอนซอค จ็อง กล่าว

อย่างไรก็ตามในปี 2565 ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ค่อยมีสัญญานฟื้นตัวมากนัก และการระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีอยู่ บริษัทฯมีนโยบายเน้นการรักษาเสถียรภาพและการปฏิรูปบริษัทฯสู่แบรนด์ใหม่ พร้อมกับการขยายการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้ความร่วมมือและการวางพื้นฐานที่ดีขึ้น เพื่อการเจาะสินเชื่อบุคคลใหม่โดยตั้งเป้าเพิ่มสินเชื่อใหม่อีกสองเท่าในปีนี้ และเพิ่มกำไรสุทธิและการเติบโตของสินทรัพย์มากกว่า 60% จากสิ้นปี 2564

สำหรับสินเชื่อที่บริษัทฯจะให้บริการมุ่งเน้น 3 กลุ่มหลัก คือ สินเชื่อหมุนเวียน สินเชื่อระยะยาว สินเชื่อมือถือและอื่นๆ สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลบริษัทจะมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้น้อยให้มากขึ้น และให้ความสนใจที่จะขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางและรายได้สูงที่มีความต้องการสินเชื่อเช่นกัน

นายวอนซอค จ็อง กล่าวว่า แม้ว่าภายใน 5 ปีนี้ บริษัทฯคาดว่าสินเชื่อโดยรวมมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่สินเชื่อที่มีหลักประกันยังคงเติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี และด้วยความก้าวหน้าของระบบดิจิทัลและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัลที่ได้นำระบบ new credit scoring และการที่ตลาดดิจิทัลในไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องคาดว่าจะทำให้ตลาดสินเชื่อยังเติบโตต่อไปได้

ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัทฯบริหารความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความสมดุลกับการรุกปล่อยสินเชื่อ โดยได้ใช้มาตรการทางการเงินพิเศษเพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 โดยมีการติดตามจัดเก็บหนี้อย่างรัดกุม และช่วยเหลือลูกหนี้โดยการพักชำระหนี้และผ่อนปรนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ 1% จากค่างวดที่ต้องจ่าย

“เราเพิ่งเปลี่ยนระบบ Core Banking เมื่อเดือนธันวาคม 2564 พร้อมกับการใช้ระบบ Credit Scoring ที่ทันสมัยจากเกาหลีใต้ในการใช้เทคโนโลยีเพื่อประเมินความเสี่ยงให้แม่นยำมากขึ้น ทำให้การอนุมัติรวดเร็วด้วยระบบอัตโนมัติที่มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เสริมการดำเนินการสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล” นายวอนซอค จ็อง ย้ำ

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทฯได้เปิดให้บริการบัตรกดเงินสดแคชจอย อีซี่ ที่อนุมัติรวดเร็ว เบิกเงินสดได้ทันทีผ่านตู้เอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ทุกสาขาโดยลูกค้าใหม่จะไม่เสียดอกเบี้ยในเดือนแรกที่ใช้บริการและได้รับโปรโมชั่นซื้อมือถือที่ร้านเจมาร์ท ทุกสาขานอกจากนี้ยังได้รับสิทธิพิเศษมากมาย

สำหรับเป้าหมายในระยะยาว บริษัทฯจะเป็น 1 ใน 10 อันดับ Non Bank ในประเทศไทย ภายใน 5 ปี และตั้งเป้าหมายจะเป็น 1 ใน 5 อันดับ Non Bank ในเมืองไทยในปี 2573 โดยไทยถือเป็นตลาด Non bank ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนและมีอัตราเติบโตที่มั่นคงจึงเป็นหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกิจการเงินที่ดีที่สุดและมีโอกาสสูงในการเติบโตของธุรกิจบัตรเดบิต

เคบี เจ แคปปิตอลเกิดจากการร่วมทุนระหว่าง KB Kookmin Card ยักษ์ใหญ่บัตรเครดิตเกาหลีใต้ที่เข้ามาร่วมทุนในบริษัทเจ ฟินเทคในกลุ่มบริษัทเจมาร์ท เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัทเคบี เจ แคปปิตอล   เมื่อเดือนมกราคม 2564 และดำเนินธุรกิจสินเชื่อบุคคลในประเทศไทยผ่านกลุ่มเจมาร์ทเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

นอกเหนือจากกลยุทธ์และความเชี่ยวชาญทางธุรกิจและสินเชื่อของเคบี เจ แคปปิตอลแล้ว อีกหนึ่งในความสำเร็จของบริษัทฯ เกิดจากวัฒนธรรมองค์กรที่แตกต่างจากที่อื่น นั่นคือบริษัทฯมองหาความเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าตลอดเวลา โดยพนักงานทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นและสามารถแนะนำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยก็ตาม พนักงานสามารถเข้าไปพูดคุยกับหัวหน้างานหรือผู้บริหารทุกระดับได้อย่างอิสระ มากไปกว่านั้นยังมีพนักงานชาวต่างชาติและเกาหลี ที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมาอยู่รวมกัน ก่อให้เกิดบรรยากาศที่ดีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ตลอดจนได้รับมุมมองหรือแนวคิดใหม่ จากกลุ่มพนักงานในทุกระดับ เพื่อให้บริษัทฯมีความยั่งยืนอย่างมั่นคง พวกเราจึงไม่หยุดที่จะเปลี่ยนแปลงและมุ่งสร้างผลลัพธ์ที่ขึ้นเรื่อย ๆ