DELTA แรงดีไม่มีตก ทะลุ 400 บาท ยอดขายปี’64 เกินเป้า

HoonSmart.com>>หุ้น “เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ฯ” โดดเด่น ราคาทะยานขึ้น 5 วันรวด แจกกำไรรวม 22.7% ปิดที่ 416 บาท คาดยอดขายปี 64 สูงกว่าเป้าหนุนกำไรดีเกินคาด นักวิเคราะห์เฮโล แนะนำขาย สูงเกินเป้าที่ให้ไว้ไม่ถึง 400 บาท มีเพียง บล.ไทยพาณิชย์เชียรซื้อมานาน ให้มูลค่าสูงสุด 514 บาท บล.บัวหลวง แนะถือ ตีค่า 430 บาท บล.หยวนต้าให้ซื้อเก็งกำไร มูลค่าใหม่ 400 บาท คาดกำไรปี 64 อยู่ที่ 5,900 ล้านบาท ปีนี้ 8,300 ล้านบาท โต 36%  

สัปดาห์ที่ผ่านมา (31 ม.ค.-4 ก.พ.2565) หุ้นบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA มีแรงซื้อขายหนาแน่น และราคาปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 วัน จากระดับ 339 บาท ขึ้นมาปิดที่จุดสูงสุด 416 บาท เพิ่มขึ้นถึง 77 บาท อัตราผลตอบแทนประมาณ 22.71% โดยเฉพาะวันที่ 4 ก.พ. แจกกำไรถึง 5.58% มูลค่าซื้อขายรวม 1,927.65 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ เปิดเผยว่า หุ้น DELTA กลับมาเป็นขวัญใจของนักลงทุนอีกครั้ง หลังจากหลุดจากการคำนวณดัชนี SET 50 และ SET 100 เพราะบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง คาดว่าไตรมาส 4 และปี 2564 สร้างยอดขายได้ดีกว่าที่บริษัทและนักวิเคาะห์คาดการณ์ ส่งผลต่อกำไรสุทธิ ทำให้มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปี 2565 และราคาเหมาะสมสูงขึ้น

“หุ้น DELTA ฟอร์มดีเกินคาด โดยเฉพาะปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาเพิ่มขึ้นได้แข็งแกร่ง สวนทางกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น หุ้น KCE และ HANA ได้รับผลกระทบจากดัชนี Nasdaq ร่วงลงแรง ”

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา มีนักวิเคราะห์ถึง 7 ราย มีการออกบทวิเคราะห์ ส่วนใหญ่แนะนำให้ขายหุ้น DELTA หลังจากราคาขึ้นมาสูงกว่ามูลค่าเหมาะสมที่คาดไว้ เช่น บล.กสิกรไทยให้เป้าหมายสิ้นปีนี้ที่ 357 บาท บล.ฟินันเซีย ไซรัสให้ราคา 330 บาท โดยบล.เอเซียพลัสตีมูลค่าเหมาะสมต่ำที่สุดเพียง 190 บาท

ขณะเดียวกัน บล.หยวนต้า แนะซื้อเก็งกำไร และเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่เป็น 400 บาท ส่วนบล.บัวหลวงให้มูลค่า 430 บาท แนะนำเพียง ถือ ยกเว้น บล.ไทยพาณิชย์ที่แนะนำซื้อมานานแล้ว และให้มูลค่าเหมาะสมถึง 514 บาท เชื่อในปัจจัยพื้นฐาน ผลิตภัณฑ์ของเดลต้าฯตอบสนองความต้องการซื้อตามเมกะเทรนด์

ด้านบล.หยวนต้าให้เหตุผลในการปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 400 บาท เนื่องจากปรับไปใช้ PER ที่ 60 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย +1.0SD ของบริษัท หลังจากราคาหุ้นสูงต่อเนื่องในช่วงหลัง และแนะซื้อเก็งกำไร จากราคาหุ้นปรับลดลงจน Downside จำกัดแล้ว แต่ตัวเลือกอย่าง KCE และ HANA มีโอาสเพิ่มขึ้นมากกว่าและซื้อขายบนมูลค่าที่สมเหตุสมผลกว่า

อย่างไรก็ตาม ได้ปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2565 เป็น 8,300 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 36% จากปี2564 เมื่อใส่ผลกระทบของต้นทุนที่อาจจะยังสูงอย่างน้อยในครึ่งแรกของปี 2565 โดยบริษัท DELTA วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10-20% เติบโตจากกลุ่ม Data Center เป็นสำคัญ ขณะที่สินค้ากลุ่ม EV Business จะยังได้รับผลกระทบในไตรมาสแรกและจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 2 เป็นต้นไป ส่วนการสร้างโรงงานใหม่ที่นิคมบางปูสำหรับขยายกำลังการผลิต EV Business เลื่อนแผนการก่อสร้างมาเริ่มในไตรมาสที่ 2 คาดแล้วเสร็จในสิ้นปี 2565

“บริษัทยังคงได้รับผลกระทบเรื่องต้นทุนตลอดปี 2565 จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการระดับสินค้าคงคลัง ไม่เร่งผลิตให้ลูกค้า เพื่อรับรู้ยอดขายอย่างปี 2564 และพยายามลดการขนส่งทางอากาศ หรือผลักภาระต้นทุนให้ลูกค้าที่ต้องการสินค้าเร่งด่วนแทน”

ขณะที่กำไรปกติไตรมาสที่ 4/2564 คาดไว้ที่ 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.4% จากไตรมาสที่ 3 และลดลง 0.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คาดรายได้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ 660.5 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาส 3 และเพิ่มขึ้น 11.8% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ธุรกิจ Data Center ยังคงเติบโตเด่น หากกำไรไตรมาส 4 ออกมาตามคาด กำไรทั้งปี 2564 อยู่ที่ 5,900 ล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการที่ 6,100 ล้านบาท และคาด DELTA จะจ่ายเงินปันผลปี 2564 ที่ 2.94 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนราว 0.7% บริษัทจะรายงานงบในันที่ 15 ก.พ.นี้

ทั้งนี้หุ้น DELTA ผันผวนมากในปี 2564 ราคาระหว่างวันเคยขึ้นไปแตะสูงสุด 804 บาท และปิดสูงสุดที่ 768 บาท แต่ก็เคยลงไปปิดต่ำสุดที่ 288 บาท