HoonSmart.com>> “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช” เผยนักลงทุนขาย LTF เดือนแรกปี 65 รวม 8,400 ล้านบาท ไม่ถึงเป้า 1 หมื่นล้านบาท 2 สัปดาห์แรกเร่งขายหนัก 6,000 ล้านบาท จังหวะหุ้นขึ้นก่อนย่อตัวลงครึ่งเดือนหลัง เกาะติดผลประชุมเฟด 25-26 ม.ค. แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกร่วงหนัก ด้านผลตอบแทนกองทุนหุ้นไทยเดือนม.ค.เฉลี่ยติดลบเล็กน้อย
นางสาวชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผย “HoonSmart” ว่า ในช่วงเดือนม.ค.2565 ที่ผ่านมานักลงทุนที่ถือครองกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ครบกำหนดขายได้ตามเงื่อนไขถือครอง 7 ปีปฏิทิน มียอดขายออกสุทธิประมาณ 8,400 ล้านบาท จากช่วงครึ่งเดือนแรกขายออกสุทธิประมาณ 6,000 ล้านบาท เมื่อเทียบยอดขายได้ตามเงื่อนไขรวม 2.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปกตินักลงทุนจะขายกองทุน LTF ออกมามากในเดือนม.ค.ของทุกปี
“ช่วงครึ่งเดือนแรกม.ค. แรงขายกองทุน LTF เร่งตัวมากขายออกประมาณ 400 ล้านบาท/วัน พอครึ่งเดือนหลังแรงขายลดลงเหลือวันละประมาณ 100 กว่าล้านบาท ส่วนหนึ่งอาจเพราะดัชนีในช่วงครึ่งหลังของเดือนม.ค.แผ่วเมื่อเทียบครึ่งเดือนแรก ทำให้แรงขายทั้งเดือนน้อยกว่าที่คาดไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินขายออกของ LTF ก็ไม่ได้ส่งผลต่อภาพรวมตลาดหุ้นไทยซึ่งซื้อขายต่อวันหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่กองทุนหุ้นหุ้นไทยไม่รวมกองทุนภาษี มีเงินไหลเข้าสุทธิ 100 ล้านบาท”นางสาวชญานี กล่าว
อย่างไรก็ตามภาพรวมกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งรวมกองทุนภาษี LTF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) มีเงินไหลออกสุทธิ 8,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการไหลออกจากกองทุน LTF เป็นหลัก ขณะที่กองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็ก รวม LTF-RMF มีเงินไหลออกสุทธิประมาณ 530 ล้านบาท
นางสาวชญานี กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีค่อนข้างเหวี่ยงตัวจากความกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และปรับลด QE ลง ทำให้ความเสี่ยงจากการลงทุนในปีนี้ค่อนข้างสูงจากปีที่่ผ่านมา หลังอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้นทำให้เฟดปรับนโยบายการเงินเข้มข้นขึ้น แต่เมื่อเทียบผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนหุ้นไทยในเดือนม.ค. ถือว่าปรับตัวลดลงน้อยกว่ากองทุนหุ้นต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลงแรงจากราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก โดยผลตอบแทนเฉลี่ยของกองทุนหุ้นขนาดใหญ่ของไทย -0.70% ส่วนกองทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กผลตอบแทนเฉลี่ย -1.2%
ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกต่างปรับตัวลดลงในเดือนแรกของปี ข้อมูล ณ 28 ม.ค.ดัชนีแนสแด๊กร่วง 12% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 7% ดาวโจนส์ลดลง 4.4% ด้านตลาดหุ้นเยอรมนีลดลง 3.6% ตลาดหุ้นเอเชีย เกาหลีใต้ลงแรง 10.6% ตลาดหุ้นจีนลดลง 7.6% ตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลง 7.2% เป็นต้น
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในเดือนม.ค.ปิดสูงสุดที่ระดับ 1,680.02 จุด เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2565 หลังจากนั้นปรับตัวลดลงไปปิดต่ำสุด 1,634.71 จุด เมื่อ 27 ม.ค. และปิด 31 ม.ค.ที่ระดับ 1,648.81 จุด ลดลง 8.81 จุด หรือ -0.53% จากปิดสิ้นปี 2564 ที่ระดับ 1657.62 จุด
ด้านข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การซื้อขายของกลุ่มนักลงทุนรายประเภทในเดือนม.ค.2565 นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 25,183.17 ล้านบาท ด้านนักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 14,359.35 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 7,322.38 ล้านบาทและบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 3,501.45 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันในประเทศไม่เพียงแต่กองทุนรวมเท่านั้น ยังมีกองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและพอร์ตบริษัทประกันที่รวมอยู่ในกลุ่มนี้