แนะสะสมหุ้น เงินนอกพร้อมกลับไทย

หุ้นเอเชียร่วงระนาว ไทยรูดกว่า 1% นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนเตือนนักลงทุนอย่าตื่นตะหนก มองเป็นจังหวะซื้อหุ้นถูก ฝุ่นหายตลบ เงินจะกลับเข้าประเทศไทย”ภรณี ทองเย็น”แห่งเอเซียพลัส คาดดัชนีมีโอกาสลงไปถึง 1,620 จุด เลือกหุ้นดีกอดไว้ในพอร์ต 40% รอขึ้นมาขายทำกำไร บลจ.แมนูไลฟ์ สถาบันขายก่อน รอซื้อกลับ

วันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปรับตัวลงแรง นำโดยอินโดนีเซียทรุดกว่า 3% ส่วนไทยรูดลง 28 จุด หรือ 1% เศษ ต่างชาติและสถาบันทิ้งมากกว่า 5,000 ล้านบาท ต่างชาติขายอนุพันธ์ 12,301 สัญญา ดาวโจนส์ล่วงหน้าติดลบเป็น 100 จุด

นักลงทุนควรถือโอกาสทยอยซื้อของดี

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA)เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรง เพราะโดนหางเลข ทั้งๆที่ปัญหาที่กังวลไม่เกี่ยวกับไทย ประเทศที่มีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาก หนี้ต่างประเทศต่ำ รัฐบาลแทบไม่กู้เงิน และเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากเกินไปด้วย เชื่อว่าเงินต่างประเทศพร้อมจะกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย

“นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนกมองเป็นโอกาสในการเลือกซื้อสะสม ราคาแถวนี้ยังถูก แต่ไม่มีใครรู้ว่าจุดต่ำสุดอยู่ที่ไหน รอให้ฝุ่นหายตลบแล้วเงินจะเข้ามา ” นายไพบูลย์กล่าว

เลือกหุ้นให้ถูกตัว ทำกำไรได้

นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนะนำให้นักลงทุนลดพอร์ตเหลือ 40% มานานแล้ว คาดว่าดัชนีมีโอกาสลงไปถึง 1,620 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดก่อนที่จะขึ้นมารอบนี้ แต่ตลาดแบบนี้ นักลงทุนยังสามารถเลือกซื้อหุ้น 5-6 ตัวได้ ถือไว้รอขายทำกำไรเมื่อขึ้นมาถึงเป้าหมาย หากเลือกหุ้นถูกตัว ยังสามารถหวังกำไรได้ 5% เช่น วันที่ 5 ก.ย. หุ้นลงแรง 28 จุด เห็นได้ว่าหุ้นที่แนะนำ 2 ตัว HANA และ CPF ปรากฎว่า HANA เพิ่มขึ้น

” ช่วงนี้ลงทุนยาก แต่ก็ยังสามารถเลือกหุ้นรายตัวเก็บไว้ ราคาขึ้นมาถึงเป้าหมายให้ขายแล้วค่อยไปเลือกตัวที่ปรับตัวลงแรงแทน”นางภรณีกล่าว

ส่วนกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจลงทุน ได้แก่ มือถือ เช่น ADVANC,DTAC วัสดุก่อสร้าง อาทิ DCC ,SCCC โฆษณา VGI ,MACO ส่วนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รอให้ราคาย่อลงมาก่อน เช่น BBL รอซื้อต่ำกว่า 200 บาท

สถาบันไทยทิ้งก่อน รอซื้อหุ้นถูก

น.ส.จินตนา เมฆินทรางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แรงขายหุ้นของนักลงทุนสถาบันที่ออกมาค่อนข้างมากในวันนี้ จำนวน 3,734 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่ผ่านมาดัชนีปรับขึ้นมาต่อเนื่องจนถึง 1,720 จุด ในขณะที่ไม่มีปัจจัยใหม่ที่จะหนุนให้ตลาดไปต่อได้ ท่ามกลางปัจจัยลบจากต่างประเทศ สงครามการค้าและวิกฤตค่าเงินกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่อ่อนค่าลงจากฐานะการเงินที่ไม่แข็งแรงในบางประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย แม้ไม่ได้กระทบไทยโดยตรง แต่สุดท้ายกังวลว่าการที่เงินบาทอ่อนค่า น้อยกว่าประเทศอื่นๆ จะทำให้ไทยแข่งขันในเรื่องของการส่งออกไม่ได้ เพราะเงินบาทแข็งกว่า ขณะที่นักท่องเที่ยวเติบโตชะลอตัวลง จึงต้องหวังเงินลงทุนของภาครัฐ

“นักลงทุนสถาบันอาจขายออกไปก่อนและเชื่อว่าจะรอซื้อกลับคืนเมื่อราคาลงมาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามภาพตลาดในปีนี้ที่ต้องเลือกแบ่งเงินบางส่วนในการทำกำไรหุ้นเมื่อราคาถึงเป้าหมาย และรอเลือกซื้อตัวที่ราคาย่อตัว มีอัพไซด์และมีการเติบโต”น.ส.จินตนา กล่าว

สำหรับบลจ.แมนูไลฟ์ ยังคงเป้าหมายดัชนีสิ้นปีไว้ที่ 1,800 จุด บนสมมติฐานมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่หากไม่มีเลือกตั้งตามกำหนด ดัชนีเป้าหมายอยู่ที่ 1,750 จุด คาดการณ์กำไรบจ.ปีนี้เติบโต 10%

น.ส.จินตนา กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นมองว่าเป็นจังหวะในการเลือกสะสมหุ้น เน้นขนาดใหญ่ เพราะหากมีการเลือกตั้งตามกำหนด มองว่าเม็ดเงินลงทุนโดยตรงที่ติดปัญหาไม่สามารถลงทุนในประเทศที่รัฐบาลไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็จะพร้อมจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย อีกทั้งการเลือกตั้งจะทำให้บรรยากาศคึกคัก

ทรีนีตี้แนะหุ้นปันผลสูง ราคายังไม่ขึ้น

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่าความผันผวนที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ อาทิ ตุรกี อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ อินโดนีเซีย หากปะทุขึ้น อาจส่งผลกดดันเชิง Sentiment ต่อตลาดหุ้นเกิดใหม่ได้ จึงแนะนำให้ติดตามเครื่องชี้ความเสี่ยงต่าง ๆ เช่น สกุลเงินต่างๆ บอนด์ยีลด์ และ CDS Spread เป็นต้น

ส่วนตลาดหุ้นเดือนก.ย. ดัชนียังเคลื่อนไหวแคบๆ กลยุทธ์แนะนักลงทุนทยอยขายทำกำไรที่กรอบแนวต้าน 1,740 จุดและ 1,770 จุดตามลำดับ ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าสะสม ให้รอจังหวะดัชนีอ่อนตัวลงสู่แนวรับ 1,700 และ 1,670 จุด

“มองหุ้นปันผลสูงยังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ หากดัชนีย่อตัวระหว่างทาง โฟกัสไปยังหุ้นในดัชนี SETHD ที่ราคายังคงปรับตัว Laggard ตลาดนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อาทิเช่น BBL, LH, TISCO”นายณัฐชาตกล่าว

กสิกรไทยคงเป้าปีนี้ 1,805 จุดไทยไม่กระทบพิษค่าเงิน

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า บล.กสิกรไทยยังคงเป้าหมายดัชนีหุ้นปีนี้ไว้ที่ 1,805 จุด ตลาดในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่ดี หลังเศรษฐกิจแข็งแกร่ง หุ้นซื้อขายที่พี/อี 16 เท่า กำไรต่อหุ้นเติบโต 10% ส่วนการโจมตีค่าเงินของกลุ่มตลาดประเทศเกิดใหม่ที่มีความเสี่ยงด้านฐานะทางการเงินสูง อาทิ อาร์เจนตินา ตุรกี บราซิล อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ มองว่าไม่กระทบไทยเนื่องจาก เศรษฐกิจเติบโตสูงที่สุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียง 1.6% ในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่อิงเศรษฐกิจในประเทศและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นหลัก อาทิ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL,KTB), กลุ่มการเงิน (MTC), กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (SIRI, ORI, LH, SPALI), กลุ่มค้าปลีก (CPN, ROBINS), กลุ่มสื่อสาร (ADVANC), กลุ่มขนส่ง (JWD, BEM) และ IVL