NUSA ปรับโครงสร้างสู่ “โฮลดิ้ง คอมพานี” ทุ่มธุรกิจทำกำไร ตั้งเป้ากว่า 1.3 พันล้านบ.

HoonSmart.com>> ณุศาศิริ ปรับโครงสร้างก้าวสู่ “โฮลดิ้ง คอมพานี” เตรียมขายแลนด์แบงค์ในธุรกิจอสังหาฯ มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาทและหุ้นใน “เลเจนด์ สยาม” ต่อยอดในธุรกิจที่มีศักยภาพสร้างกำไรในอัตราสูง จ่อรับรู้รายได้กว่า 1,300 ล้านบาทภายใน Q2/65 ลงทุนในธุรกิจกัญชงครบวงจร พร้อมได้รับใบอนุญาตฯ กุมภาพันธ์นี้ 

นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ (NUSA) เปิดเผยว่า “ในโอกาสฉลองครบรอบ 25 ปี บริษัทเตรียมปรับโครงสร้างเป็น “โฮลดิ้ง คอมพานี”  ภายในปี 2565 นี้โดยจะ ทรานส์ฟอร์มมุ่งเน้นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างกำไรของบริษัทในอัตราสูง ประกอบด้วย 1.ธุรกิจเวลเนส  2.ธุรกิจด้านเกษตรอุตสาหกรรม  3.ธุรกิจพลังงาน  4.ธุรกิจเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม  และ 5.ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  ที่สนับสนุนธุรกิจเวลเนสได้อย่างมีศักยภาพ

ทั้งนี้ บริษัทจะทยอยจำหน่ายแลนด์แบงค์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาทออกไปภายในปี 2565 นี้ โดยปัจจุบันได้พิจารณาขายหุ้นใน “เลเจนด์ สยาม พัทยา” ออกไปบางส่วน และในเบื้องต้นคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,300 ล้านบาท ที่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาภายในไตรมาส 2/2565 นี้ และบริษัทจะมุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจ ‘Medical Technology’ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและบริการทางการแพทย์ครบวงจร พร้อมกันนี้บริษัทยังตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) แพลตฟอร์มออนไลน์ ในชื่อ “หมอฮัลโหล” (MORHELLO)

ขณะเดียวกัน บริษัทได้ทุ่มศึกษามากว่า 5 ปี โดยร่วมลงทุนกับนักลงทุนชาวจีนในการทดลองปลูกพืชกัญชงหลากหลายสายพันธุ์ จนได้สายพันธุ์ที่สามารถให้สารสกัด CBD ในปริมาณสูง โดยปัจจุบันบริษัทได้มีใบอนุญาตนำเข้าเมล็ดพันธ์กัญชงสายพันธุ์คุณภาพ ใบอนุญาตปลูกพืชกัญชงบนพื้นที่กว่า 60 ไร่ และอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตโรงงานสกัดสารสำคัญจากพืชกัญชง โดยคาดว่าจะสามารถสกัดสารและจำหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ได้ภายในปี 2565 นี้

“บริษัทเริ่มศึกษาและมองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อลงทุนในธุรกิจด้านสุขภาพอย่างจริงจังทั้ง จีน ญี่ปุ่น อเมริกา และเยอรมัน ปัจจุบันบริษัทได้รับใบอนุญาตปลูกพืชกัญชงกว่า 60 ไร่ รวมถึงได้ก่อสร้างอาคาร และนำเข้าเครื่องสกัดเข้ามาเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะติดตั้ง ควบคู่กับการยื่นขอใบอนุญาตโรงงานสกัดสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คาดว่าจะได้รับภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ นอกจากนี้เราปรับให้ เลเจนด์ สยาม พัทยา เป็นเมืองมหัศจรรย์กัญชา โดยสถานที่นี้จะเป็นแหล่งผลิตโดยเริ่มจากการปลูกจากเมล็ดพันธุ์ตลอดจนถึงสกัดและพัฒนาผลิตภัณฑ์และจำหน่าย จัดสร้างพิพิธภัณฑ์กัญชา ให้ที่นี่เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยว แหล่งเรียนรู้และแหล่งช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์กัญชงกัญชาที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยเรื่องนี้เราไม่ได้แค่เริ่ม แต่เราซุ่มดำเนินการรวมถึงการหาตลาดไว้ทั่วโลกเรียบร้อยแล้ว ”

นอกจากนี้ นายวิษณุ เทพเจริญ  กล่าวทิ้งท้ายประเด็นการจะเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานทางเลือกว่า

“สำหรับการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน (PP) ของบริษัทนั้น เนื่องจากบริษัทมีความสนใจในธุรกิจพลังงานอย่างจริงจัง โดยได้เรียนเชิญผู้มีคุณวุฒิ และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการบริษัทถึง 2 ท่าน คือ คุณมานพ ถนอมกิตติ ประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท อาร์ เอส เอส 2016 จำกัด และคุณไพไรจน์ ศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์ เอส เอส 2016 จำกัด ทั้งนี้บริษัทมีความสนใจธุรกิจที่มี P/E สูง ซึ่งธุรกิจพลังงานเป็น 1 ในธุรกิจที่ตอบโจทย์ดังกล่าว และ WEH ก็เป็นบริษัทที่มีกำไรจากการดำเนินงานอยู่แล้ว การเข้าซื้อหุ้น WEH เข้ามาในครั้งนี้ก็สามารถรับรู้รายได้ได้ทันที ” นายวิษณุกล่าว

ทางด้าน นางศิริญา เทพเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท ณุศาศิริ และ กรรมการบริหาร บริษัท เวิล์ด เมดิคอล อัลไลแอนซ์ ประเทศไทย กล่าวว่า  “ตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้จากธุรกิจเวลเนสนี้ประมาณ 800 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3-4 เดือน ส่งผลให้บริษัทได้รับความสนใจจากผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กว่า 7-8 ราย และตัดสินใจทยอยเข้าลงทุนในหุ้นของบริษัทมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ที่ผ่านมา ดังนั้นในปี 2565 นี้จึงตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจเวลเนส ประมาณ 1,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.5% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว โดยจะเป็นรายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์และเวชภัณฑ์ต่างๆ ที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% โดยมีพันธมิตรจากเยอรมันเป็นผู้วิจัยและพัฒนาสูตรต่าง ๆ และการจำหน่าย ATK ในราคามิตรภาพ

ในปี 2565 นี้บริษัทจะยังมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 51% ของรายได้รวมทั้งปี เนื่องจากบริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากการขายทรัพย์สินในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และนำเงินเข้าลงทุนในธุรกิจที่มี P/E สูงกว่า เบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นก็จะย้ายหมวดการดำเนินธุรกิจ

โดยการดำเนินงานแต่ละกลุ่มธุรกิจจะจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมารับผิดชอบ โดยมีแผนที่จะนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (Spin-off) ดังนั้น เราคาดว่าจะปรับโครงสร้างภายในองค์กรเสร็จประมาณปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จากนั้นจะเดินสาย “โรดโชว์” อย่างเป็นทางการ เพื่อตอกย้ำศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่งของบริษัท รายได้ที่จะเข้ามาจากกลุ่มธุรกิจ องค์ความรู้-ประสบการณ์-ความเชี่ยวชาญของพันธมิตรที่สร้างการยอมรับจากลูกค้าทั่วโลก และช่องทางการขายผ่านแพลตฟอร์ม ที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ทั่วโลก”  นางศิริญากล่าว