ประธานเฟดนิวยอร์กคาดเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไป 3-4 ครั้งในปีนี้

นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นสู่เป้าหมาย 2% ภายในปีนี้และอาจจะทรงตัวที่ระดับนี้หรือยืนที่เหนือระดับเป้าหมายต่อไปอีก 2 ปี แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

นายดัดลีย์กล่าวว่า ขณะนี้ไม่กังวลต่อเงินเฟ้อ เพราะมีปัจจัยหลายตัวของโลกดึงให้เงินเฟ้อต่ำ อย่างไรก็ตามเฟดก็ต้องขึ้นดอกเบี้ยต่เนื่องเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจโตแบบร้อนแรงเกินไป
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการFOMC ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอยู่ในช่วง 1.5-1.75% ซึ่งคณะกรรมการเฟดแทบทุกคนคาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งหรือมากกว่า 2ภายในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นมาอยู่ในช่วง 3.1-3.6% ภายในปี 2020 ซึ่งจะสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี(Bond Yield) แต่นายดัดลีย์กล่าวว่า ตราบใดที่เฟดยังคงขึ้นดอกเบี้ยไปพร้อมกับการปรับสถานะงบดุล อัตราดอกเบี้ยระยะยาวก็จะปรับเพิ่มขึ้น

“โดยส่วนตัวผมไม่คิดว่า บอนด์ยีลด์จะกลับทิศใน 2-3 ปีข้างหน้า และหากเส้นอัตราผลตอบแทนปรับทิศทางเมื่อไรหมายถึงสัญญานการชะลอตัวของเศรษฐกิจ”

นายดัดลีย์กล่าวว่า กำลังประเมินการขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศที่สหรัฐขาดดุลการค้าด้วยรวมถึงจีน โดยระบุว่ามาตรการที่นำมาใช้ยังมีผลต่อน้อยต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่สร้างความกังวลต่อการเจรจาการค้านอกเหนือจากสิ่งที่เกิดขึ้นหากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้านั้นยังคงอยู่ ก็คือ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

อัตราภาษีอาจจะต้องกระจายในกลายภาคอุตสาหกรรม ก่อนที่จะมีผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิผล การเติบโตและนำไปสู่ต้นทุนการใช้ชีวิตที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคอเมริกา แต่ความไม่แน่นอนในตัวเองก็มีผลลบต่อธุรกิจและประชาชน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก

จากข่าว CNBC
https://www.cnbc.com/2018/04/17/feds-williams-sees-u-s-inflation-at-or-above-goal-for-years.html?recirc=taboolainternal