HoonSmart.com>> บอร์ด “เพิ่มสินสตีลเวิคส์” อนมุติ “ซันเทคสตีลเวิคส์” บริษัทย่อย เดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 65 เตรียมเพิ่มทุน 170 ล้านหุ้น ขายหุ้น IPO ประชาชนทั่วไป 119 ล้านหุ้น ผู้ถือหุ้น PERM ไม่เกิน 51 ล้านหุ้น นำเงินขยายกิจการ ลงทุนโครงการผลิตเหล็กเคลือบสี ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและคืนเงินกู้ยืม
บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ (PERM) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2564 มีมติอนุมัติแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ของบริษัท ซันเทคสตีลเวิคส์ จำกัด (SUNTEC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) รวมถึงผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท (Pre-emptive Right) และการนำหุ้นของ SUNTEC เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (แผนการ Spin-Off) รวมถึงการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้และเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 170 ล้านบาท แบ่งเป็นออก 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท (หลังแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน) หรือคิดเป็นสัดส่วน 29.82% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังการเสนอขายหุ้น IPO
SUNTEC จะเสนอขายหุ้นต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดสวนการถือหุ้นในบริษัท จำนวนไม่เกิน 51 ล้านหุ้น คิดเป็น 30% และเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 119 ล้านหุ้น รวมถึงหุ้นที่เหลือจากการเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดสวนการถือหุ้นในบริษัท โดยการเสนอขายหุ้นจะขายในเดียวกับขาย IPO เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทได้เข้าลงทุนใน SUNTEC และช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้ถือหุ้นของบริษัท จากการที่สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทใน SUNTEC ลดลงจาก 99.99% ของทุนจดทะเบียนของ SUNTEC เหลือประมาณ 70.18% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น IPO
ทั้งนี้ แผนการ Spin-Off จะเกิดขึ้นหลังจาก SUNTEC ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เสนอขายหุ้น IPO และได้รับอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้รับหุ้นเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2565
สำหรับเงินที่ได้รับจากการระดมทุนของ SUNTEC จะใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจในอนาคต การลงทุนโครงการผลิตเหล็กเคลือบสี ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท เอ็มพาวเวอร์ สตีล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจของบริษัทและชำระคืนเงินกู้ยืม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคตของกลุ่มบริษัท ทั้งนี้ แผนการใช้เงินอาจมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ตามเห็นสมควร