โนมูระฯ ปรับคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งปีนี้ กดหุ้น Q1 เหวี่ยง 1,680-1,550 จุด

HoonSmart.com>> บล.โนมูระ พัฒนสิน เปลี่ยนคาดการณ์ดอกเบี้ยสหรัฐฯปีนี้ขึ้น 5 ครั้ง รวม 1.5% จากเดิมคาดไว้ 4 ครั้ง 1% ด้านงบดุลของ FED ประกาศ พ.ค.นี้ มีผลมิ.ย.65 หลังถ้อยแถลงของประธาน FED ที่ Hawkish ขึ้น คาด SET ค่อยๆ ถอยไป 1,600-1,620 จุด ส่วนกรอบไตรมาส 1/65 คาดดัชนีเหวี่ยง 1,680-1,550 จุด กลยุทธ์ระยะสั้นเน้นธีมบาทอ่อนหนุนส่งออก แนะ HANA-KCE-GFPT กลุ่มแนวโน้มกำไรดี PLANB-BE8-SPALI-AP-BEC

บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า มุมมองจากโนมูระฯล่าสุด ได้ทำการปรับเปลี่ยนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 5 ครั้งในปีนี้ โดยปรับขึ้น 0.50% ในเดือน มี.ค. และปรับขึ้น 0.25% ในเดือน พค. มิ.ย. ก.ค. และ ธ.ค. รวมดอกเบี้ยขึ้น 1.50% สู่กรอบ 1.5%-1.75% (จากคาดเดิม 4 ครั้ง สู่ 1%-1.25%)

นอกจากนี้คาด FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2566 ในเดือนมิ.ย. และธ.ค. และคาดว่าจะประกาศลดงบดุล Balance Sheet Run Off ในเดือนพ.ค. และมีผลเดือนมิ.ย. (จากเดิมคาดประกาศก.ค. มีผลส.ค.) ขณะที่การประชุมล่าสุดไม่ได้มีการระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน แต่ FED น่าจะต้องประชุมกันอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในการหารือประเด็นนี้

ทั้งนี้ ผลการประชุม FOMC วานนี้ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมตามคาด ขณะที่ส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับลดวงเงิน QE จำนวน 3 หมื่นล้านเหรียญในเดือนก.พ. ซึ่งจะส่งผลให้การทำ QE ของ FED สิ้นสุดลงในเดือนมี.ค. และจะเริ่มต้นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันที ซึ่งก็คือเดือนมี.ค. ตามที่โนมูระฯ และตลาดคาด ซึ่งจะถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561

อีกทั้ง ถ้อยแถลงแถลงของประธาน FED ภายหลังการประชุมกลับ Hawkish กว่าคาด โดยเผยว่าสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวกว่าคาดในเดือนธ.ค. และปัญหา Supply Chain ยังไม่มีท่าทีจะคลี่คลาย ซึ่งเมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแรงนี้ จึงไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในรอบการประชุม ซึ่งถ้อยแถลงที่ Hawkish นี้ ทำให้ตลาดคาด FED จะขึ้นดอกเบี้ย 5 ในปีนี้ และโอกาสที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.จะปรับขึ้น 0.50% นั้นมีมากขึ้น

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน คาดตลาดจำกัดการฟื้นตัวสั้นๆ ไม่เกิน 1,660 จุด +/- และมีโอกาสค่อยๆ พักตัวสู่ 1,600-1,620 จุด กรณี Downside เศรษฐกิจเพิ่มเติมเข้ามา ในสถานการณ์ที่สภาพคล่องเสี่ยงลดลงไวกว่าคาด อาจทำให้ SET ถอยต่ำกว่านั้น

“โดยรวม SET ยังอยู่ในกรอบรายไตรมาส 1 ที่ประเมินกรณีฐาน ความผันผวนจากเงินเฟ้อสูงกว่าคาด จะเร่งนโยบายการเงิน FED เร่งตัว ทำให้ SET เหวี่ยงในกรอบไตรมาส 1/2565 ที่ฐาน 1,680-1,550 จุด”บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุ

สำหรับระยะกลาง-ยาว เน้น Buy On Dip : หุ้นคุณค่า (Value) กลุ่มแบงก์ ได้แก่ KBANK, SCB, KKP กลุ่ม ICT ได้แก่ ADVANC, TRUE, BLA กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ AP, SPALI กลุ่มวัฎจักร (Cyclical) คงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ 60% เน้นตั้งรับ หุ้นเด่นปีนี้ ได้แก่ ADVANC, AMATA, GPSC, KBANK, KCE, MAKRO, SCB, TIDLOR

กรณี SET เข้ากรอบ 1,620-1,600 จุด เพิ่มน้ำหนักพอร์ตหุ้นไทย เป็น 65%

ส่วนระยะสั้น กลุ่มที่น่าสนใจ คือ ธีมเงินบาทอ่อนค่าหนุนกลุ่มส่งออก HANA, KCE, GFPT และกลุ่มที่แนวโน้มกำไรดี PLANB, BE8, SPALI, AP, BEC