PTC พร้อมเข้าเทรด Q1/65 จุดเด่นกำไรสูง จ่อแตกไลน์ไฟฟ้า

HoonSmart.com>>”พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น” ผู้นำคลังน้ำมันอีสานตอนบน-ล่าง พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดเอ็มเอไอไตรมาส 1/65 ชูจุดเด่นคลังขอนแก่น-ศรีสะเกษ มีขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนทำเลทอง ขยายลูกค้าได้อีกมาก รายได้โต ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม ธุรกิจมีอัตรากำไรสุทธิสูง 30-40%  เชื่อมทางรถไฟฟ้าเพิ่มศักยภาพการตลาด ลดต้นทุนลูกค้า มอง 3 จุดเสี่ยง พึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ OR -คู่แข่งรายใหม่-รถ EV ไม่น่ากังวล เล็งแตกไลน์ธุรกิจไฟฟ้า 

นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น (PTC)  เปิดเผยว่า  บริษัทมีประสบการณ์ด้านธุรกิจสถานีบริการน้ำมันและรถขนส่งน้ำมันมากว่า 20 ปี ทำให้ผู้บริหารสามารถบริหารจัดการสายโซ่อุปทานของผู้ค้าน้ำมันในประเทศไทยเป็นอย่างดี กำหนดที่ตั้งคลังน้ำมันขอนแก่น และคลังน้ำมันศรีสะเกษ บนทำเลทองและเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการกระจายน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันสู่สถานบริการและผู้ใช้งาน ซึ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถือเป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนปริมาณจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดเบนซินและดีเซลเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย รองจากเขตกรุงเทพและปริมณฑล อีกทั้งยังเป็นเส้นทางเชื่อมโยงสู่ประเทศเพื่อนบ้านได้

บริษัทมีแนวทางการเติบโตของรายได้และกำไร เนื่องจากคลังขอนแก่นและศรีสะเกษ มีขนาดใหญ่ สามารถเพิ่มลูกค้าได้อีกมาก โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม สร้างรายได้ ขณะที่มีค่าใช้จ่ายคงที่  โดยบริษัทจะเสนอบริการให้แก่ผู้ค้าน้ำมันรายอื่น จากปัจจุบันมีการพึ่งพิงลูกค้ารายเดียว คือ บริษัทปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) และยังให้บริการเก็บสินค้าอื่น เช่น เอทานอล หรือสารเคมีต่างๆ เพราะที่ตั้งของคลังน้ำมันเป็นแหล่งเพาะปลูกอ้อยมาก นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าตามนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐ เพื่อขยายฐานรายได้และลดความเสี่ยง

อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการพึ่งพาลูกค้าใหญ่รายเดียวคือ OR เป็นความเสี่ยง หากไม่ต่อสัญญา หรือต่อสัญญาด้วยเงื่อนไขที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งมองว่าการที่ OR มีสถานีบริการน้ำมันในรูปแบบ DODO ค่อนข้างมาก การมีคลังน้ำมันกระจายอยู่ในทุกพื้นที่จะส่งผลดีต่อ OR จึงมองว่าเป็นความเสี่ยงที่ไม่มากนัก ปัจจุบันคลังขอนแก่น มีระยะสัญญา 10 ปี นับตั้งแต่ 1 ต.ค.2557 ถึง 30 ก.ย.2567, คลังศรีสะเกษ มีระยะสัญญา 3 ปี นับตั้งแต่ 1 พ.ค.2562 ถึง 30 เม.ย.2565

สำหรับความเสี่ยงจากการแข่งขันและการเข้ามาของรายใหม่ กลับมองเป็นเรื่องที่ดี  จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของการขนส่งให้ประเทศ  และความเสี่ยงเรื่องความต้องการใช้น้ำมันรถลดลงจากการเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมองว่าในระยะ 5-10 ปีนี้ จะยังไม่มีนัยสำคัญ จากปัจจัยที่ยังไม่เอื้อ ไม่ว่าราคารถยนต์ไฟฟ้าที่ยังอยู่ในระดับสูง, สถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ และมาตรการสนับสนุนของภาครัฐ ต่อการสร้างฐานการผลิต รถ EV ในประเทศยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่มอง EV เป็นโอกาสในระยะนี้ เนื่องด้วยผู้ค้าน้ำมันทุกรายจะไม่ลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงแล้ว ก็จะสนับสนุนแนวคิดอง PTC ที่เป็น Infrastructure Sharing

นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า บริษัทมุ่งเน้นการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์โดยการทำงานร่วมกันกับทั้งลูกค้า คู่ค้า รวมถึงผู้ประกอบการในธุรกิจเดียวกัน ทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตร่วมกันจากการแบ่งปันความรู้ความสามารถ การแบ่งและบริหารความเสี่ยงต่อองค์กร และนวัตกรรมต่างๆ  เพื่อให้บรรลุเป้าหมายหลักในการเชื่อมโยงระบบการขนส่งพลังงานที่มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงสุด นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างวางแผนขยายตลาดเพื่อแสวงหาลูกค้าในกลุ่มสถานีบริการน้ำมันรายใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยใช้บริการรับน้ำมันจากคลังของบริษัทฯ หรือเข้ามารับในปริมาณไม่มาก เพื่อลดผลกระทบจากการสูญเสียลูกค้าและสร้างการเติบโตในอนาคต

ด้านผลการดำเนินงานในปี 2565 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2561 มีรายได้จากการให้เช่าและบริการรับ เก็บ และจ่ายน้ำมัน จากคลังน้ำมัน ขอนแก่นเพียงแห่งเดียว 161.97 ล้านบาท ในปี 2562 เกิดคลังศรีสะเกษ มีรายได้ 176.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.19% และปี 2563 มีรายได้ 253.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.29%  ขณะที่กำไรสุทธิ  75.42 ล้านบาท, 55.43 ล้านบาท และ 111.06 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 45.68%, 31.28%, 43.76% ตามลำดับ โดยในปี 2563 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 100.37% เนื่องจากคลังน้ำมันศรีสะเกษเปิดเต็มปี และต้นทุนทางการเงินลดลงจากการชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อเนื่อง

ส่วนในปี 2564 งวด 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีรายได้ 166.29 ล้านบาท ลดลง 11.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีโรงงานบางส่วนหยุดการผลิต การเดินทางโดยรถยนต์ลดลง ทำให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 72.23 ล้านบาท ลดลง  8.98% แต่อัตรากำไรสุทธิกลับดีขึ้นเป็น 43.33% เพิ่มขึ้น 0.98% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เกิดจากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น  แต่กำไรสุทธิชะลอตัวตามรายได้

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น (PTC) เปิดเผยว่า บริษัท PTC เตรียมการเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก(IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น หรือ 26.83% ของทุนเรียกชำระแล้ว มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คาดว่า PTC จะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาสแรกปีนี้