HoonSmart.com>> ตลาดหุ้นปิดร่วง 16.60 จุด ตามตลาดต่างประเทศ หล้ง Bond yield สหรัฐพุ่งก่อนประชุมเฟดสัปดาห์หน้า หวั่นสหรัฐฯจะลดขนาดงบดุลหลังเงินเฟ้อพุ่ง-เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเร็ว นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,957.10 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 5,583.82 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดอ่อนตัว แนวรับ 1,650-1,640 แนวต้าน 1,670-1,680 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 18 ม.ค.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,660.27 จุด ลดลง 16.60 จุด หรือ -0.99% มูลค่าซื้อขาย 113,953.45 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,682.93 จุด ต่ำสุด 1,660.15 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 2,957.10 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 3.19 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 5,583.82 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,629.92 ล้านบาท
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ติดลบ เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็เปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ รับแรงกดดันจากกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นเร็ว
ทั้งนี้ ปกติเดือนม.ค.จะเป็นเดือนที่ดีในการมองซื้อหุ้นปันผล และหุ้นที่มีกำไรดี ซึ่งนักลงทุนต่างชาติจะมองการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ให้ผลตอบแทนดี แต่รอบนี้มองดีเกินไป เพราะมีประเด็นจากสหรัฐในเรื่องที่อาจจะมีการลดขนาดงบดุล เพื่อเอาเงินออกจากระบบ หลังจากที่เงินเฟ้อพุ่งแรง และเรื่องนี้ตลาดยังไม่ได้ตอบรับเท่าไร ขณะที่ต่างชาติก็เริ่มพูดกันมากขึ้น ทำให้คนเริ่มกลัว และเลือกที่จะถอยออกมาก่อนบางส่วน อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ก็มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายด้วย ซึ่งสัปดาห์หน้าก็จะมีการประชุมเฟด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield ) พุ่งขึ้นแรงในช่วงนี้
อย่างไรก็ดี ยังสามารถเลือกเล่นหุ้นได้เป็นรายตัว จากที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว อย่างหุ้นในกลุ่มธนาคาร, หุ้นที่มีปันผล, หุ้นในกลุ่ม EV, หุ้นที่เกี่ยวกับกัญชง กัญชา และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโท
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 19 ม.ค.2565 คาดว่า ตลาดคงจะยังอ่อนตัว โดยมีแนวรับ 1,650-1,640 จุด แนวต้าน 1,670-1,680 จุด พร้อมให้จับตาเรื่องการเรียกเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% จะเกิดขึ้นได้เมื่อไร, การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯจะมีออกมาเมื่อไร อย่างไร
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 144.00 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -0.35% มูลค่าซื้อขาย 7,096.85 ล้านบาท
TKC ปิดที่ 29.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ -1.67% มูลค่าซื้อขาย 4,952.84 ล้านบาท
GULF ปิดที่ 50.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -2.88% มูลค่าซื้อขาย 4,739.91 ล้านบาท
GUNKUL ปิดที่ 6.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท หรือ +8.94% มูลค่าซื้อขาย 4,492.43 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 131.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +1.16% มูลค่าซื้อขาย 3,787.51 ล้านบาท