HoonSmart.com>> หุ้น TKC ผู้นำงานโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ไอพีโอตัวแรกปีเสือ พร้อมเข้าซื้อขายใน SET 17 ม.ค.นี้ โชว์กำไร 9 เดือนแรกปี64 จำนวน 191 ล้านบาท เติบโต 64.59% Backlog ประมาณ 2,346 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า “เคจีไอ-คิงส์ฟอร์ด” เคาะเป้าราคา 28-30.50 บาท จาก IPO 18 บาท
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับบริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในวันที่ 17 ม.ค.2565
บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 191.14 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.92 บาท เพิ่มขึ้น 64.59% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 116.08 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.58 บาท โดยมีรายได้รวม 1,832.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 305.94 ล้านบาท หรือ 20.04% จากงวดปีก่อน
สาเหตุหลักทำให้กำไรเติบโตมาจากบริษัทฯ ส่งมอบและทยอยรับรู้รายได้ของโครงการขนาดใหญ่ที่เริ่มดำเนินการในช่วงปลายปี 2563 รวมถึงโครงการที่เริ่มดำเนินการในช่วง 9 เดือนปี 2564 อย่างไรก็ดีรายได้จากการขายลดลงอย่างมากจากจำหน่ายสินค้าลดลง ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีการจำหน่ายซอฟต์แวร์โครงการของ CAT ทั้งนี้ ณวันที่ 30 ก.ย.2564 มีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) ประมาณ 2,346 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า และมีโอกาสเติบโตตามโครงการภาครัฐ และการขยายการลงทุนของภาคเอกชนในอนาคต โดยมีฐานลูกค้าชั้นนำ พันธมิตรระดับโลกไว้วางใจ
TKC มีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 78 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 18 บาท คิดเป็น P/E เท่ากับ 17.54 เท่า มูลค่าระดมทุน 1,404 ล้านบาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 5,400 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนหลายรายให้ความสนใจจองซื้อหุ้น มีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) เปิดเผยว่า การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทมีฐานทุนเพิ่มขึ้น เพิ่มศักยภาพในการรับงานโครงการขนาดใหญ่ ที่มุ่งเน้นการให้บริการเกี่ยวกับระบบโทรคมนาคม ระบบโครงข่ายสื่อสัญญาณ ระบบศูนย์ข้อมูลหลัก ศูนย์ข้อมูลสำรอง ระบบคลาวด์ Smart Solutions ระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัลและระบบตรวจสอบเฝ้าระวังและการบริหารความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security) รวมถึงงานบริการเพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง เพื่อต่อยอดการเป็นผู้นำในการให้บริการงานวิศวกรรมในสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท
ก่อนหน้านี้ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ออกบทวิเคราะห์หุ้น TKC ให้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 30.50 บาท อิง P/E เหมาะสมที่ 21.41 เท่า คาดรายได้มีโอกาสเพิ่มขึ้นในปี 2565 และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงในปี 2564-2565 ที่ราว 18% จากการขึ้นเป็นคู่ค้าสำคัญของเอกชนชั้นนำ และมีโอกาสรับงานภาครัฐต่อเนื่อง รวมทั้งมีโอกาสรับงานวางระบบ IoT ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตในอนาคตสูง หา จำหน่าย ติดตั้ง ตรวจสอบ และวางแผนบำรุงรักษา ซึ่งสัญญาจ้างอยู่ที่เฉลี่ย 1-5 ปี รวมทั้งวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ IoT สำหรับงานเมือง Smart Cities, Smart Solution
ขณะที่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย ) ประเมินราคาเหมาะสมหุ้น TKC เท่ากับ 28 บาท อิงประมาณการกำไรต่อหุ้นปี 2565 บน P/E 21.41 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ย Forward PE ของกลุ่มงานรับเหมาระบบด้านเครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีที่ 19.5 เท่า เล็กน้อย คาดอัตราการเติบโตจะเด่นกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มฯ