โลกช็อก!เฟดเร่งขึ้นดบ.-ถอนคิวอี ชูหุ้นไทยเด่น หาจังหวะช้อปของถูก

HoonSmart.com>> หุ้นโลกร่วง 1-3%  ทองคำรูดลง 1% หลังเฟดเซอร์ไพรส์ตลาด เร่งขึ้นดอกเบี้ย มี.ค. ลดงบดดุลเร็ว ดันบอนด์ยีลด์แตะ 1.737% ‘ไพบูลย์’ มองไทยโดนหางเลขช่วงสั้น ยืนเป้าสิ้นปี 1,800 จุด โพลฟันธงหุ้นแบงก์เด่นสุด จับจังหวะตลาดตีกลับ บอนด์ยีลด์แตะ 2% คาดเก็บภาษีขายหุ้น สภาพคล่องหายไป 20-30% บล.ทรีนีตี้แนะขายล็อกกำไรบางส่วน อีกก้อนลุ้นโอกาสขึ้นแรง  บล.ไทยพาณิชย์ คาดปีนี้ SET ให้กำไร 5% และปันผลอีก 3% เชียร์ซื้อ10 หุ้นเด่น ธุรกิจดั้งเดิม KBANK, AMATA, ZEN, LH,GULF หุ้นโลกยุคใหม่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE,XPG

หุ้นโลกกระแทกลงแรง นำโดยสหรัฐ ดาวโจนส์ร่วง 1.07% S&P 500 เฉียด 2% และ NASDAQ ดิ่ง 3.34% กดดันตลาดหุ้นยุโรป 1% เอเชียร่วงเกือบทั้งหมด ญี่ปุ่นทรุด หนัก 2.88% ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้าฟื้นเล็กน้อย 66 จุด หรือ 0.17% เวลาประมาณ 18.00 น. สัญญาทองคำร่วง 1.31% ราคาเฉียดหลุด 1,800  สหรัฐ/ออนซ์

ส่วนดัชนีหุ้นไทยรูดลง -1.42%หรือ -23.76  จุด ปิดที่ระดับ 1,653.03 จุด มูลค่าซื้อขายหนาตา 106,477.92 ล้านบาท จากแรงขายของสถาบันไทย 4,629.83 ล้านบาท ต่างชาติพลิกกลับมาขายสุทธิ 2,723 ล้านบาท มีแรงรับจากนักลงทุนไทยจำนวน 6,306.82 ล้านบาท และพอร์ตบล. 1,046 ล้านบาท แรงขายหุ้นใหญ่ กลุ่มอิเล็กทอนิกส์เจอหนักรูดลง -2.39% และยอดผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นกดดันหุ้นท่องเที่ยวและโรงแรม

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วในเดือนมี.ค.นี้ หุ้นโลกอาจจะได้รับผล กระทบบ้างในไตรมาส 1 และ 2 แต่ครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้น เรื่องตลาดหุ้นไทยมุมมองส่วนตัวไม่เปลี่ยนแปลง ฟันด์โฟลว์จะไหลเข้ามา แต่ประเมินไม่ได้ว่าจะมากเท่าไร ซึ่งที่ผ่านมาเงินไหลเข้าเฉลี่ยเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท ปีนี้รวม 12 เดือน ก็เข้ามามากกว่า 1 แสนล้านบาท และยืนเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 1,800 จุด สอดคล้องนักวิเคราะห์ให้เป้าสูงสุด 1,780 จุด กำไรบจ.โต 12% P/E 16 เท่า ตลาดขึ้นมาได้ 10% คือ 1,800 จุด นักลงทุนน่าจะหาจังหวะเข้าซื้อหุ้น ถ้าบอนด์ยีลด์ปรับขึ้นเกือบ  2% แสดงว่าหุ้นปรับฐานเรียบร้อยแล้ว

ประเทศไทยมีจุดขาย ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาหุ้นไทยเพิ่มขึ้นเพียง 5% เทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐโต 40% ดอกเบี้ยไม่ขึ้น เงินเฟ้อไทยต่ำกว่าสหรัฐถึง 4% เศรษฐกิจฟื้นจากจุดต่ำสุดในปีที่แล้ว รัฐบาลมีนโยบายและออกมาตรการกระตุ้น  เช่น โครงการช้อปดีมีคืน มีกำลังซื้อจากส่วนบน เทียบกับต่างประเทศที่มีการยกเลิกมาตรการนี้  และรัฐบาลสามารถกู้เงินได้อีก 1.5 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวน่าจะฟื้นตัว รวมถึงการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้น

“สถิติที่ผ่านมา เมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย 4 รอบ ในช่วง 3 เดือน หุ้นมักจะลง แต่มองผลตอบแทนตลอดปีสามารถปรับขึ้น 6-7% ตอนนี้มีสภาพคล่องสูงจะต้องมองหาแหล่งลงทุน นักลงทุนต่างชาติต้องปรับพอร์ตรายประเทศ และเลือกตลาดหุ้นไทย”นายไพบูลย์กล่าว

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนธ.ค. 2564 พบว่า “ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 129.53 ลดลง 4.2% จากเดือนก่อนหน้าและยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง”  โดยนักลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวมองตรงกันธนาคารพาณิชย์เป็นหุ้นเด่น

บล.ทรีนีตี้ แนะนักลงทุนปรับกลยุทธ์หลังเฟดอาจลดขนาดงบดุลเร็วกว่ากำหนดและเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด แนะนำนักลงทุนขายหุ้นส่วนหนึ่งล็อกกำไรไว้ก่อน หลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาถึงเป้าหมายแรกที่ประเมินไว้ระดับ 1,660-1,680 จุด ส่วนหุ้นอีกครึ่งหนึ่งอาจถือเพื่อลุ้นการไปต่อ มีโอกาสเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ จากการที่ตลาดมีหุ้นในกลุ่ม Value Stock ส่วนใหญ่ ที่มีความอ่อนไหวต่อการปรับขึ้นของบอนด์ยีลด์น้อยกว่า เช่น กลุ่มพลังงาน ธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์  เปิดเผยว่า  ในปีนี้ประเมินผลตอบแทนของ SET Index ได้ที่ 5% และ 8% เมื่อรวมเงินปันผล คาดกำไรบจ.เติบโต 6%  ได้รับแรงหนุนจากเศรษฐกิจที่เติบโต 3-4% ในกรณีเลวร้ายหากไม่สามารถควบคุมโควิดโอมิครอนได้อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโตลดลงเหลือ 2.6% และกำไรบจ.โอกาสเติบโตใกล้ 0%

แนวโน้มดัชนีตามพื้นฐานเคลื่อนไหวในกรอบ  1,550-1,750 จุด และค่ากลาง 1,660 จุด ซึ่งเป็นระดับในปัจจุบัน ดังนั้นนักลงทุนต้องอาศัยจังหวะตลาดสวิง ในการเลือกหุ้นที่มีการเติบโต และมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจตามเทรนด์โลก

บล.ไทยพาณิชย์แนะนำ 10 หุ้นเด่น แบ่งเป็นธุรกิจดั้งเดิม ที่คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตเด่น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF รวมถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG

บล.โนมูระ พัฒนสินคาดแรงกดดันจากทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ  ถ่วงจิตวิทยาการลงทุน ระยะสั้นเน้นเลือกรายตัว  ระยะกลาง-ยาวคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ 60% เน้นหุ้นแนะนำในปี 2565 ได้แก่ ADVANC,AMATA,GPSC,KBANK,KCE,MAKRO,SCB และTIDLOR