NV ชูโรงงาน-คุณภาพ-ราคา เหตุผลลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์ซ้ำ

HoonSmart.com>>”โนวา ออร์แกนิค” ชูจุดเด่น-เน้นจุดแข็ง การมีโรงงานผลิต ช่วยควบคุมคุณภาพ และแข่งขันราคาได้ ” ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อผลิตภัณฑ์ซ้ำ ยอดขายเติบโต บล.โนมูระ พัฒนสิน ให้เป้า 8 บาท 

 

หากจะเอ่ยถึงผลิตภัณฑ์ถั่งเช่า ที่มีนักร้องดัง “ยิ่งยง “ เป็นพรีเซ็นเตอร์ เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นผ่านตามาบ้าง ตามหน้าจอทีวี, โมเดิร์นเทรด ตามร้านสะดวกซื้อ แต่ไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์นี้ ผลิตและจำหน่ายโดยบริษัท โนวา ออร์แกนิค  (NV) น้องใหม่ป้ายแดงที่จ่อเข้าซื้อขายวันที่ 24 ธันวาคม 2564 นี้

โนวา ออร์แกนิค ไม่ได้ผลิตและจำหน่ายแค่สินค้าเรือธง “ถั่งเช่า” ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เท่านั้น แต่ยังมีเสริมอาหารอีกหลายอย่าง ตั้งแต่คนหนุ่มสาว วัยทำงาน ไปถึงผู้สูงวัย สินค้าเป็นที่คุ้นเคย อีกตัวคือ คอลลาเจนไดแปปไทด์ พลัส แคลเซียม   แบรนด์โดนัทท์ สินค้าเรือธง ที่ขายจริงจังคู่กับ “ถังเช่า” ตั้งแต่เริ่มกิจการถึงปัจจุบัน ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา รวมถึงกาแฟ, ไฟเบอร์ โทเทิล ไฟบีลี่  แบรนด์โดนัทท์ สินค้าที่มีมากกว่า 100 SKU

นายนวพล จันทร์จุฑามาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้ก่อตั้ง  และถือหุ้นใหญ่ NV จบวิศวะ อิเลคทรอนิคส์ ลาดกระบัง เริ่มงานกับคอลล์เซ็นเตอร์แห่งหนึ่ง งานรับผิดชอบควบคุมเครือข่ายสัญญาณเสาส่ง ทำอยู่ 8 ปี กระทั่ง “ยุพิน จันทร์จุฑามาศ” ซีเอฟโอ คู่กาย ชวนซื้อกิจการร้านขายสมุนไพร “รักษ์ว่าน”  จึงลงทุนจากสาขาแรก ภายใน 2 ปี ขายเกือบ 50 สาขาในห้างสรรพสินค้า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการขายผลิตภัณฑ์สมุนไพร

หลังจากสาขา “รักษ์ว่าน” เติบโตอย่างรวดเร็ว “นวพล” เริ่มคิดมีสินค้าแบรนด์ของตัวเอง และเห็นว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เดิมอยู่เฉพาะร้านขายยา ขายให้คนป่วยเท่านั้น แต่ที่จริงแล้ว สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ประกอบกับสมุนไพร เป็นสินค้าที่ราคาไม่สูง จึงเริ่มทำอาหารเสริม เริ่มต้นจากการจ้างผลิต และในที่สุดปี 2556 จดทะเบียนสร้างโรงงาน มีสินค้าคอลลาเจน , ไฟบีลี่ แบรนด์โดนัทท์ (DONUTT)

”  ปี 2559 เริ่มคิดแล้วว่า ถ้ามีแบรนด์โดนัท เพียงแบรนด์เดียวจะลำบาก และเห็นประเทศไทย เข้าสู่สังคมสูงวัย กระแสสุขภาพมาแรง กลางปี 2560 จึงออกสินค้าเพื่อสุขภาพ “ถั่งเช่า” วางขายตามโมเดิร์นเทรด โฮมช้อปปิ้ง กระทั่งปี 2561 เริ่มทำ Telesales (เทเลเซลล์ ) หรือการขายสินค้าผ่านโทรศัพท์ จากพนักงานเริ่มต้น 4 คน เดือนแรกขายสินค้าให้ลูกค้าได้ 700,000 คน ระยะเวลาลูกค้าได้รับสินค้าและชำระเงิน ภายใน 4 วัน จากนั้นปี 2561 บริษัท จึงพัฒนา  CRM  (Customer relationship management)  หรือการบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้าโดยยึดหลักการที่ลูกค้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ปลายปี 2562 มีฐานลูกค้า 200,000 คน ยอดขายกว่า 500 ล้านบาท กระทั่งปี 2563 บริษัท ฯ เทหมดหน้าตัก ขยายเทเลเซลล์ ขยายโรงงาน ทำให้ปีที่ผ่านมา ปิดยอดขายได้ 2,300 ล้านบาท กำไรกว่า 700 ล้านบาท ”

แทบไม่น่าเชื่อว่า การขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผ่านทางโทรศัพท์ จะมียอดขายปีละหลัก 1,000 ล้านบาทขึ้นไปได้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ผู้สูงอายุ ซื้อซ้ำ ใช้แล้วบอกต่อ ประสบความสำเร็จอย่างดี

ซีอีโอ บอกว่า การซื้อซ้ำ บอกต่อ เกิดจากความเชื่อมั่นในสินค้า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มีที่มาจาก การมีโรงงานผลิต ที่ควบคุมคุณภาพ และราคาจับต้องได้  มีแคมเปญ ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

นายนวพล  ย้ำว่า หลังจากระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว NV มีเป้าหมายหลัก สร้างโรงงานสกัดและผลิตยาสมุนไพรออร์แกนิค เพิ่มมูลค่าให้สมุนไพรไทย ขยายตลาดไปต่างประเทศ , เน้นทำตลาดถั่งเช่าดูแลเฉพาะส่วนมากขึ้น เช่น ถั่งเช่าสำหรับข้อเข่า , สายตา , ตับ และขยายเทเลเซลล์ จาก 180 คนในปัจจุบัน เป็น 500 คน ขยายฐานลูกค้าจาก 1 ล้านคน เพิ่มเป็นกว่า 1 ล้านคน

ตั้งเป้ายอดขายปี 2565  เติบโตไม่ต่ำกว่า 2 หลัก เรือธงหลักเป็น ถั่งเช่า , กาแฟผสมถั่งเช่า , คอลลาเจน และสารสกัดสมุนไพรไทย

สำหรับหุ้น NV  เสนอขายไอพีโอ จำนวน 150 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 6.90 บาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท  พี/อี 11.07 เท่า หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ โดยมีบล.โกลเบล็ก เป็นแกนนำเสนอขายหุ้น

แผนใช้เงินทุน ลงทุนโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ สำหรับขยายพื้นที่จัดเก็บสินค้า ประมาณ 500 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2567 ใช้ปรับปรุงโรงงานเดิมเพื่อการผลิตสินค้าประเภทสมุนไพรและโรงงานสกัดสารสมุนไพร ประมาณ 35 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2566 ใช้ปรับปรุงอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ประมาณ 50 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2565 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ

บล.โนมูระพัฒนสิน  ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ NV ที่ 8 บาท ด้วยวิธีพี/อี ที่ 24.8 เท่า มองว่า NV มีความน่าสนใจจาก

  1. ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร มีแบรนด์สินค้าและโรงงานผลิตของตัวเอง

2. มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ตั้งแต่วัยรุ่นถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ทำให้มีโอกาสเติบโตตามทิศทางตลาดเสริมอาหาร

3. สามารถบริหาร Product mixed เพื่อรักษาเปอร์เซ็นต์ Gross Margin อยู่ในระดับสูงราว 60-70%