‘ศึกใน-นอก’ กดดันหุ้นช่วงสั้น คาดไล่ซื้อ AOT ไม่หลุด SET50

HoonSmart.com>>นับถอยหลัง เหลือเวลาเพียง 9 วันทำการ จะถึงสิ้นปี 2564 นักลงทุนยังจะต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลงแรง ส่วนปัจจัยในประเทศ คลังยืนยันจะเริ่มเก็บภาษีกำไรจากหุ้นในปี 2565 แต่นักลงทุนยังมีโอกาสเลือกซื้อหุ้นที่เข้าสู่การคำนวณ SET 50 และ SET 100  โดยเฉพาะ AOT พลิกล็อก คาดมีแรงซื้อกลับ หลังราคาร่วงลงมามากจากความกังวลว่าจะหลุดจากจอเรดาร์สถาบันไทยและต่างประเทศในรอบนี้

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐทั้ง 3 แห่งปรับตัวลง โดเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงแรง 532 จุด  หรือ 1.48% ที่ระดับ  35,365.44 จุด วิตกนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้น ผสมความกังวลสายพันธุ์ใหม่โอมิครอนจะกระทบเศรษฐกิจ ด้าน ราคาน้ำมันดิบลดลง 2%

บล.ทิสโก้แนะเพียงเทรดดิ้งสั้นเป็นรายตัว พอร์ตลงทุนรอจังหวะสะสม หลัง SET ขึ้นมาใกล้ 1,650 จุด มอง Upside จำกัดมากขึ้น ราคาขึ้นเน้นขายมากกว่าซื้อ แนวโน้มตลาดช่วงต้นปี 2565 มีโอกาสผันผวน แนะรอจังหวะทยอยสะสมที่ SET ระดับ 1,600 หรือต่ำกว่าเน้นหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยโลกปรับขึ้น

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่าโนมูระปรับมุมมองดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยประเมินเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 2565 (มี.ค. มิ.ย. ก.ย. และ ธ.ค.) ซึ่งตลาดตอบรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น ส่งผลให้ภาพการลงทุนปี 2565 มีความเสี่ยงจากวงจรดอกเบี้ยขึ้นเร่งตัว หลังจากนั้นเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกปีละ 2 ครั้งในปี 2566-2567 ในเดือน มี.ค. และ ก.ย. (เดิมโนมูระคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2566-2567 ) นอกจากนี้เฟดจะประกาศปรับลดงบดุล (Balance sheet runoff) ในการประชุม ก.ค.2565 เร็วขึ้นจากคาดการณ์เดิมในเดือน ก.ย.2566

ขณะที่ภายในประเทศแผนเก็บภาษีการขายหุ้น 0.1% สำหรับมูลค่าการขายที่เกิน 1 ล้านบาท/เดือน โดยเริ่มในปี 2565 เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นเข้ามาถ่วงตลาดหุ้นไทยเพิ่มเติม แม้ว่านายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์อัตราการเก็บภาษี  รวมถึงนำเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาอัตราการเก็บภาษีให้เหมาะสมกับนักลงทุนก็ตาม

แนวโน้มดอกเบี้ยโลกที่เร่งตัวขึ้นกดดันตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่ภายในถูกถ่วงเพิ่มจากแผนเก็บภาษีขายหุ้น จึงคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นที่ 60% เน้นกลุ่มที่เป็นเมกะ เทรนด์ ได้แก่ โรงไฟฟ้า(GPSC, GULF) กลุ่มสื่อสารฯ (ADVANC, TRUE) ส่งออก(KCE, HANA. SAPPE) กลุ่มธนาคาร(SCB, KBANK), กลุ่มสินเขื่อบุคคล(JMT, TIDLOR)

ด้านตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศรายชื่อห้นที่เข้าสู่การคำนวณดัชนี SET 50 และ 100 รอบใหม่ (1ม.ค.-30 มิ.ย.2565 ) มีหุ้นเข้าใหม่ 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC),  บริษัทบ้านปู (BANPU) และบริษัท เงินติดล้อ (TIDLOR) โดยเกณฑ์ใหม่ที่ใช้ไม่ได้ทำให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย(AOT) หลุดจากโผ SET 50 และ 100 อย่างที่กังวล คาดว่าวันที่ 20 ธ.ค. จะมีแรงไล่ซื้อกลับหุ้น AOT ขณะเดียวกัน BJC, DELTA, STA ถูกคัดออกอย่างที่คาด โดยเฉพาะ DELTA ไม่ได้นำไปคำนวณใน SET 100 ด้วย ตามเกณฑ์ใหม่ คาดจะเกิดแรงขายออกมารุนแรง

ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในปี 2565 บล.กสิกรไทยแนะนำ 6 ธีม ได้แก่ บริษัทที่จะได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง ได้แก่ CPALL OSP LH และ STEC คาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุนโครงสร้างเพื่อช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตประมาณ 4% 2. การเดินทางระหว่างประเทศอาจเพิ่มขึ้น 2-3 เท่าจากระดับปกติ ช่วยกระตุ้นค่าการกลั่นของ SPRC และอัตราค่าเช่าของ AWC 3. กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง PTG GFPT EPG และ BGRIM

4.ธีมอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น BLA และ SCB เพราะดอกเบี้ยน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการเติบโตของสินเชื่อและส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของธนาคาร และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน(ROI) ของบริษัทประกันภัย 5.บริษัทได้ประโยชน์หลักจากกระแสความนิยมของรถยนต์ (KCE) และ6.การใช้data usage 5G ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ADVANC

บล.กรงุศรีแนะให้มี TISCO ติดมือไว้ก่อนฤดูปันผล ให้ราคาเป้าหมาย 107 บาท ราคาหุ้นมีผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในช่วงฤดูปันผลที่สูงที่ระดับ 7% โดย TISCO มักจ่ายปันผลปีละครั้ง (XD เดือนเม.ย.) เมื่อย้อนดูผลตอบแทนของราคาหุ้นในไตรมาสแรกของปี 2005-2021 และพบว่าหุ้นมีผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +4.4% และ +8.0% หากไม่รวมปีที่มีวิกฤต

ส่วนแนวโน้มกำไรเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 9% ในปี 2564 และคาดเติบโต 5% ในปี 2565 คาดการตั้งสำรองจะทรงตัวในปี 2565-2566 ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนสำรองหนี้เสียที่สูงราว 180%