TPIPP คาดปี’65 รายได้ทรงตัว ADDER ทยอยหมดอายุ ลุ้นฟื้นปี’66

HoonSmart.com>> “ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์” คาดปี 65 รายได้ใกล้เคียงปี 64  ขายขยะให้ TPIPL เพิ่มขึ้น แต่ ADDER ทยอยหมดอายุปีหน้า 73 เมกะวัตต์ ส่วนปี 66 ลุ้นผลงานดีขึ้น  ได้ COD ของ 2 โรงไฟฟ้าใหม่เสริม กำลังการผลิตรวม 24 เมกะวัตต์ ด้านปี 64 รับผลงานพลาดเป้าที่ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท  ต้นทุนถ่านหินสูง  ปรับกลยุทธ์ลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เหลือศูนย์ในปี 68

ภัคพล เลี่ยวไพรัตน์

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2565 ทรงตัว ถึงแม้จะมีปริมาณการขายเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ให้กับบริษัท ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) เพิ่มขึ้น และเริ่มลดการใช้ปริมาณถ่านหินของโรงไฟฟ้า รวมถึงรายได้จากค่าการกำจัดขยะ ของโรงไฟฟ้านครราชสีมา แต่ก็มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าที่มีส่วนเพิ่มรับซื้อไฟฟ้า (ADDER) ที่จะหมดอายุ 2 โครงการ ได้แก่ 18 เมกะวัตต์ หมดอายุในเดือน ก.พ.2565 และ 55 เมกะวัตต์ หมดอายุ ก.ย.2565

ส่วนปี 2566 คาดว่าจะสร้างเติบโตที่ดีขึ้น จากโรงไฟฟ้าใหม่ทั้ง 2 โรง ที่ได้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD)ได้แก่ โรงไฟฟ้าจังหวัดสงขลา กำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้านครราชสีมา กำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเข้ามาทดแทน ADDER ที่หมดอายุในอนาคต

สำหรับเงินลงทุนในโครงการหลัก บริษัทจะใช้เงินประมาณ 5,500 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในโรงไฟฟ้า RDF แห่งที่ 3 ที่เพิ่ม 5 ไลน์การผลิต รวมกำลังการผลิต 4,500 ตันต่อวัน ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2565 และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) B6 และB8 อีก 1,500 ล้านบาท และ 3,000 ล้านบาท ตามลำดับ จะทยอยลงทุนตั้งแต่ปี 2566-2567

ด้านโครงการในอนาคตที่บริษัทมีแผนจะเข้าร่วมประมูลตามแผน PDP2018 ของประเทศไทย มีปริมาณโรงไฟฟ้าขยะประมาณ 400 เมกะวัตต์ ซึ่งมี 2 โครงการ ที่พิจารณาแล้ว และมีโครงการอื่นๆที่ติดตามอยู่ รวมถึงแผน PDP2018 เพิ่มโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมอีก 200 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทก็มีแผนจะเข้าร่วมด้วย ส่วนโรงไฟฟ้าขยะที่ พื้นที่ EEC ประมาณ 200 เมกะวัตต์ บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการ

ขณะที่รายได้ปี 2564 คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 12,000-13,000 ล้านบาท คาดว่าจะมาจากขายไฟฟ้าปี 2564 อยู่ที่ 11,800 ล้านบาท และอัตราใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 85% จากกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 440 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นอัตราใช้กำลังการผลิตที่ขายให้การไฟฟ้า 99% และขายให้กับบริษัท ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) ในอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 70%

แนวโน้มไตรมาส 4/2564  ขึ้นอยู่กับราคาต้นทุนเชื้อเพลิง หากมีแนวโน้มลดลง ก็อาจจะส่งผลให้โค้งสุดท้ายดีขึ้น แต่บริษัทได้เดินหน้าปรับกลยุทธ์ ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนถ่านหิน โดยการปรับปรุงการผลิตของ B6 และB8 จะเริ่มมีปริมาณการปล่อยลดลงตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้ ประมาณ 10-15% และเมื่อแล้วเสร็จตามแผนการลงทุนจะทำให้การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เหลือศูนย์ในปี 2568