“คิงส์ฟอร์ด” คาดหุ้นฟื้นตัวตามต่างประเทศหลังปรับฐานลงแรง

HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวโน้มหุ้นวันนี้ฟื้นตัว หลังลงแรง รอผลศึกษาไวรัสโอไมครอน แนวต้าน 1,608 – 1,617 จุด แนวรับ 1,580 จุด หุ้นแนะนำ SIS-CHG

บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET วันนี้โอกาสฟื้นตัว หลังฐานลงปรับปัจจัยเสี่ยงและอยู่ระหว่างผลศึกษาของไวรัส Omicron วางแนวรับที่ 1,580แนวต้าน 1,608 – 1,617 หากเทียบเคียงกรณีไทยล็อกดาวน์ช่วง ม.ค., เม.ย. 64 ดัชนี SET ลดลงราว -7 % โดยใช้เวลาเฉลี่ย 10 วันสามารถฟื้นตัวสู่ระดับเดิม แนะนำซื้อ KBANK, SCB, BCH,SMD, SYNEX, SIS, RCLเก็งกำไร U

สำหรับดัชนี SET วานนี้ปิด -1.30% ปริมาณการซื้อขาย 1.15 แสนล้านบาท สถาบันขาย 3,368 ล้านบาท พอร์ตโบรกขาย 1,070 ล้านบาท ต่างชาติขาย 4,370 ล้านบาท และขายตลาดพันธบัตรไทย 1.62 หมื่นล้านบาท โดยกลุ่มขนส่ง -3.73%, ท่องเที่ยว -2.63%, ธนาคาร -2.47% จากความกังวลการระบาดสายพันธุ์ Omicron ส่งผลให้การเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจปีหน้า โดยประเมินกรณีมีการติดเชื้อรุนแรง และนักท่องเที่ยวชะลอเดินทาง 2 – 3 เดือน อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง 1 ล้านราย และกระทบ GDP ปีหน้า 0.50%

ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.68%, S&P500 +1.32%, Nasdaq +1.88%หลังประธานาธิบดีไบเดนเผยไม่มีความจำเป็นต้องใช้ ม.ล็อกดาวน์และไม่มีประเทศห้ามเดินทาง ระหว่างเกิดระบาดสายพันธุ์ Omicron ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี +2.60%, กลุ่มผู้ผลิตวัคซีน เช่น ไบออนเทค, โมเดอร์น่าปรับตัวขึ้นรับข่าวเตรียมปรับวัคซีนรองรับ Omicron ส่วน NAR เผยดัชนีสัญญาขายบ้านรอปิดการขาย ต.ค. +7.5% MoM

ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.69% รอประเมินผลกระทบของ Omicron โดยหุ้นกลุ่มเดินทาง &สันทนาการฟื้นตัวหลังวันศุกร์ปรับลดลงกว่า -10%, สถาบันการเงิน +1.70% รวมถึงพลังงาน, สินค้าโภคภัณฑ์ฟื้นตัว

สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ SIS (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 42.50 บาท) ผลประกอบการ 3Q64 กำไรสุทธิ 215 ล้านบาท +40%YoY ขณะที่ 4Q64 ยังมีโอกาสเติบโตเพราะเป็น Season ของธุรกิจ ด้านแนวโน้มผลประกอบการปี 65 คาดเติบโต 10-15%YoY จากความต้องการใช้สินค้า IT ที่อยู่ในระดับสูง เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี 5G และ Cloud Service ไปสู่ New Normal ในการทำงาน Work from Home แบบผสมผสาน บวกกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้าน IT Data Center และ Cybersecurity ของทั้งภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อรายได้ทั้งในส่วนของ Mobile ที่เป็นตัวแทน Xiaomi และกลุ่ม Consumer & Commercial

หุ้น CHG (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 4.26 บาท) หนึ่งในหุ้นที่รับความเสี่ยงได้ดีจากปัจจัย Covid-19 กำไรสุทธิในช่วง 3Q64 อยู่ที่ 1,564 ลบ. +455.01%YoY, +171.41%QoQ สำหรับแนวโน้ม 4Q64 เราคาดว่าจะเป็นภาพของการอ่อนตัว QoQ จากรายได้ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับ Covid-19 ที่ลดลง แต่จะยังคงเห็นการเติบโตได้ YoY

ขณะที่การดำเนินงานช่วงถัดไปยังมีความน่าสนใจ จากปัจจัยหนุนจากธุรกิจการรับจ้างบริหารโรงพยาบาล(ปัจจุบันมี 2 แห่ง ร.พ.เมืองพัทยา และศูนย์แพทย์ชุมชนเกาะล้าน เมืองพัทยา) การรับผู้ป่วยโรคหัวใจจากร.พ.อื่น(ศูนย์หัวใจสิริธร 2Q64, ร.พ.สมุทรปราการ 4Q64, ร.พ.ระยอง 1Q65) และการเปิดโรงพยาบาลใหม่โดยเฉพาะที่เป็นศูนย์เฉพาะทาง(คาดรพ.จุฬารัตน์ แม่สอด และ ศูนย์มะเร็งสุวรรณภมิ จะเปิดราวปี65-66)