ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 236 จุด ประธานาธิบดีไบเดนประกาศไม่ล็อกดาวน์

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 236 จุด ฟื้นตัวจากร่วงแรงวันศุกร์ หลัง “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน” ไม่ล็อกดาวน์ เพื่อสกัดสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ด้านตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่บวก ราคาน้ำมันดิบฟื้น WTI เพิ่มขึ้นกว่า 2.6%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 ปิดที่ 35,135.94 จุด เพิ่มขึ้น 236.60 จุด หรือ 0.68% ฟื้นตัวจากที่ร่วงแรงในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศว่าไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,655.27 จุด เพิ่มขึ้น 60.65 จุด, +1.32%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,782.83 จุด เพิ่มขึ้น 291.18 จุด, +1.88%

“ถ้าประชาชนได้รับได้รับวัคซีนและสวมหน้ากาก ก็ไม่จำเป็นต้องล็อกดาวน์” ประธานาธิบดีกล่าวในการแถลงข่าว และกล่าวอีกว่า จะไม่มีมาตรการจำกัดการเดินทาง

บิล แอคแมนจาก Pershing Square Capital Management ทวิตว่า แม้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แต่รายงานชี้ว่าไวรัสโอไมครอนทำให้เกิดการน้อยถึงปานกลาง และแพร่กระจายได้มากกว่า ซึ่งหากว่าข้อมูลนี้เป็นจริงตลาดก็จะปรับขึ้นไม่ใช่ถอยลง

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นมาที่เหนือระดับ 1.5% แต่หุ้นเทคโนโลยีใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเทสลาเพิ่มขึ้น หุ้น5.1% ไมโครซอฟต์เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นแอมะซอนเพิ่มขึ้น 1.6% หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 2.2%

หุ้นทวิตเตอร์ ลดลง 2.66% หลังจากนายแจ็ค ดอร์ซีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประกาศลาออกจากตำแหน่ง

นักวิเคราะห์จาก Wedbush ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งสุดท้ายที่วิตกไวรัส และแนวทางลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีของบริษัทในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ก็คือใช้เหตุการณ์มหภาคและความเสี่ยงเหล่านี้เป็นโอกาสในการซื้อเพื่อเป็นเจ้าของธุรกิจเทคโนโลยี โดยเฉพาะคลาวด์ ความปลอดภัยไซเบอร์ และ 5G

นอกจากนี้ในขณะที่กำลังกลับสู่ภาวะปกติแต่การทำงานแบบกึ่งทางไกลจะยังมีอยู่ ซึ่งตอกย้ำแนวคิดด้านเทคโลยีคลาวด์ของบริษัทที่ว่าการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลจะเร่งตัวขึ้นและไม่ได้เกิดจากปัจจัยโควิดอย่างเดียว

หุ้นกลุ่มเดินทางฟื้นตัวเล็กน้อย โดยหุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นโรยัลแคริบเบียนเพิ่มขึ้น 2.8%

หุ้นโมเดอร์นา เพิ่มขึ้น 11.8% หลังจากประกาศว่าได้เริ่มทดสอบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนโอไมครอน และดร.พอล เบอร์ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการแพทย์กล่าวว่า บริษัทจะสามารถพัฒนาวัคซีนสูตรใหม่รับมือไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้ในต้นปีหน้า

หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ลดลง 5.39% หลังจากซิตี้ปรับลดลงคำแนะนำลงทุนเป็น neutral จาก buy โดยชี้ว่าการพัฒนารักษา HIVจะมีผลต่อศักยภาพของบริษัทระยะยาว

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติ (NAR) รายงาน ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales)เดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 7.5% จากเดือนก่อนหน้า

นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดการณ์จะมีจำนวน 581,000 ตำแหน่ง

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่เพิ่มขึ้น 2.2 % นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน หลังจากแพทย์ในแอฟริกาใต้ระบุว่าไวรัสายพันธุ์นี้ทำให้เกิดอาการน้อยมาก

ดัชนีบรรยากาศทางธุรกิจและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนลดลงตามคาด โดยความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายนลดลงมาที่ 117.5 จุดจาก 118.6 เดือนตุลาคม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 467.24 จุด เพิ่มขึ้น 3.19 จุด หรือ +0.69%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,109.95 จุด เพิ่มขึ้น 65.92 จุด หรือ +0.94%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,776.25 จุด เพิ่มขึ้น 36.52 จุด หรือ +0.54%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,280.86 จุด เพิ่มขึ้น 23.82 จุด หรือ +0.16%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 69.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 73.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล