“Jin Wellbeing County” ทางเลือก สำหรับคุณและครอบครัว

HoonSmart.com>>ธุรกิจเวลเนสส์ (Wellness) มีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ -Jin Wellbeing County ที่พักอาศัยเพื่อสูงวัย ของบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) มีจุดเด่น ซึ่งไม่ใช่ธุรกิจโรงพยาบาลและไม่ได้ขายอสังหาริมทรัพย์ แต่ขายไลฟ์สไตล์ บริหารภายใต้แนวคิด “ไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ ” มีโรงพยาบาลขนาดย่อม “ธนบุรีบูรณา” รองรับผู้ป่วยได้ 55 เตียง พร้อมบริการทางการแพทย์ชั้นนำของประเทศ บรรยากาศสวนขนาดใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกและกิจกรรมให้กับผู้สูงวัย รวมถึงลูก หลาน และผู้ป่วยอย่างครบครัน สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย นับเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ในราคาที่จับต้องได้…

นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์

นพ.ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป(THG) กล่าวว่า Jin Wellbeing County ออกแบบมาคล้ายๆ เป็นที่พักและสังคมผู้สูงวัย น่าจะเป็นโครงการแรกๆ ในประเทศที่ประกาศตัวว่า ถ้าอยากมาอยู่ที่นี่ต้องมีอายุ มีสวนขนาดใหญ่ มีการออกแบบห้องน้ำ ห้องนอน มีกริ่งสัญญาณฉุกเฉินจากลูกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงระบบเตือนภัยติดตามตัวในโครงการ สามารถให้การช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที พร้อมส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเฉพาะทาง

โครงการเป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ สูง 7 ชั้น จำนวน 5 อาคาร มีห้องพักรวม 494 ยูนิต มีให้เลือกซื้อ 2 ขนาด คือ 40 ตารางเมตร กับ 60 ตารางเมตร ราคาห้องละประมาณ 4-6 ล้านบาท ชำระเป็นเงินก้อนเหมือนการซื้อที่พักอาศัยทั่วไป ค่าส่วนกลางเก็บอยู่ที่ 60 บาทต่อตารางเมตร เป็นอัตราปกติ

โครงการนี้ตอบโจทย์ผู้สูงวัยและคนทำงานยุคใหม่ที่วางแผนการใช้ชีวิตระยะยาวอย่างมีความสุข เหมาะสำหรับผู้ที่เกษียณแล้ว หรือกึ่งเกษียณ เช่น ยังคงเป็นที่ปรึกษา หรือทำงานเพียง 3 – 4 ชั่วโมง/วัน ยิ่งตอนนี้มี Work from Home มาอยู่ได้สบายกับทุกวัน  มีการจัดพื้นที่ส่วนกลางเหมือนอยู่รีสอร์ท โดยไม่ต้องขับรถไกล ไปหัวหิน ไปพัทยา และสิ่งสำคัญคือมีเพื่อนบ้าน ตอนนี้มีอยู่หลายสิบครอบครัว ได้มีปฏิสัมพันธ์กัน เช่น ในห้องอาหาร เป็นชีวิตที่เลือกได้ และไม่ต้องง้อลูกหลานเท่าไหร่

คุ้มค่ากว่าอยู่บ้าน 

ในกรณีที่ป่วย สมมติเกิดเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคหัวใจ ถ้าอยู่บ้านจะมีต้นทุนที่สูงมาก เริ่มจากต้องทำห้องข้างล่างใหม่หรือจ้างคนมาดูแล เทียบกับที่นี่แล้ว มีต้นทุนถูกกว่า

“ผมคิดว่าโครงสร้างทางสังคมในกรุงเทพฯและปริมณฑล เปลี่ยนเป็นชีวิตที่รีบเร่ง จะหวังพึ่งพาลูกหลานคงไม่ได้มาก ค่าแรงเป็นต้นทุนที่สำคัญ ตอนนี้คือแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาช่วยดูแล ป้อนข้าว ป้อนน้ำผู้สูงอายุตามบ้าน ถ้าคนกลุ่มนี้ไม่มีเมื่อไหร่ โจทย์จะเปลี่ยน เพราะแรงงานไทยน้อยมากที่จะทำ พอต้นทุนเปลี่ยนชีวิตก็จะเปลี่ยนแล้ว แรงงานอย่างน้อยต้องมีให้ 20,000 บาท/เดือน ถ้าป่วยหนัก จะเข้าห้องน้ำ 3 ก้าว ต้องมีคนอุ้มเข้าไป อาจจะต้องใช้ถึง 2 แรง ทุกบ้านจะมีปัญหาหมดในการดูแลผู้สูงอายุ ต้องรีบเตรียมความพร้อม”นพ.ธนาธิปกล่าว

นอกจากนี้คนไทยยังใส่ใจกับการดูแลสุขภาพในเชิงรุก เน้นการป้องกันมากขึ้น ไม่ต้องรอให้เจ็บป่วย โครงการก็มีแพ็กเกจฟื้นฟูสมรรถภาพและสุขภาพแบบองค์รวมโดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้สูงวัย มีทั้งแบบระยะสั้น 3-7 วัน จนถึงระยะยาว 30 วัน ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 6,900 – 73,000 บาท บริการที่จะได้รับ ประกอบด้วย โปรแกรมการตรวจสุขภาพ กิจกรรมหลากหลาย ในการบำบัดและฟื้นฟูร่างกายจากภายในสู่ภายนอก กิจกรรมสันทนาการ พร้อมอาหารทั้ง 3 มื้อ โดยมีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทั้งจากโรงพยาบาลธนบุรีบูรณาและจากโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ให้บริการ ท่ามกลางธรรมชาติร่มรื่น เพื่อการผ่อนคลายและชะลอความเสื่อมถอย

แนะวิธีเกษียณสุข 

ปัจจุบันตัวเลขผู้สูงวัยของคนไทยมีอัตราที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ คาดว่าเพิ่มขึ้นจาก 20 %เป็น 25% และมีอายุเฉลี่ยยาวขึ้น ผู้ชายอยู่ที่ 73-74 ปี ส่วนผู้หญิงอยู่ที่ 74-75 ปี แต่มีปัญหาการออมต่ำมาก จึงอยากแนะนำการออมที่เหมาะสม ในช่วงอายุ 24-25 ปี ควรออมที่ 30% ของรายได้และทำให้เป็นนิสัยทุกเดือน ถ้าเกษียณอายุที่ 60 ปี หมายความว่ามีเวลาทำงานและออม35 ปี แต่จะมีอายุหลังเกษียณอีกเกือบ 20 ปี และที่สำคัญอายุเฉลี่ยในอนาคตจะยาวขึ้นเรื่อยๆ คาดว่าจะไปถึง 80 ปี  หมายถึงอายุที่เหลือหลังเกษียณจะใกล้เคียงกับอายุการทำงาน ทางออกควรจะทำงานไปเรื่อยๆ อย่าคิดว่าจะเกษียณ ถ้าไม่มีใครจ้างก็ทำเอง หาอะไรทำให้มีรายได้ อย่าคิดว่าจะต้องไปพึ่งพิงคนอื่น คนนั้นต้องมาช่วย ลูกต้องมาช่วย รัฐบาลต้องมาช่วย อย่าไปหวัง

แนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัยแบบนี้จะมีมากขึ้น สังเกตุได้จากบริษัทขายได้เรื่อยๆ ช่วงโควิด-19 ได้เดือนละ 3-4 หลัง ตอนนี้ขายไปประมาณ 200 ห้องจาก 500 ห้อง ถ้าเริ่มจะเต็มแล้วก็จะขยายเฟส 2 ต่อไป บนเนื้อที่ทั้งหมด  142 ไร่ ปัจจุบันใช้ประมาณ 40 ไร่เศษ ด้านหน้าเป็นส่วนของสถานบริการด้านสุขภาพ คอมมูนิตี้มอลล์ โครงการในอนาคตจะทำให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น จะมีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ มองว่าจะออกไปต่างจังหวัดด้วย โครงสร้างสังคม มีโอกาสที่จะไปจับหัวเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ

พื้นที่สีเขียว50%

“ทิมโมตี้ อีเมน เลิศสมิติวันท์” ประธานเจ้าหน้าที่โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ เล่าให้ฟังว่าจุดเด่นโครงการนี้ นอกจากการคำนึงถึงความต้องการ ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจรวมถึงการดูแลรักษาแล้วยังครอบคลุมไปถึงสภาวะแวดล้อม  ทางโครงการได้จัดให้พื้นที่กว่า 50% เป็นพื้นที่สีเขียว ออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม ที่เหมาะสมและได้รับรางวัลในระดับโลกมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่ดูแลผู้สูงอายุ หรือลูกหลานที่มาเยี่ยมหรือมาพบในวันหยุดได้อย่างครบครัน  เช่นการปลูกผักปลอดสาร ให้ทุกคนเก็บได้

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยจะเหมือนกับสถานการณ์ที่สังคมในแถบประเทศตะวันตกเผชิญ คือ ความเป็นสังคมเดี่ยว และลูกหลานไม่สามารถ หรือ มีกำลังที่จะดูผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันผู้สูงอายุก็ไม่ต้องการเป็นภาระลูกหลาน

จากสถิติพบว่าครอบครัวในประเทศไทยประมาณ 20% เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว  และจำนวนผู้สูงอายุที่ไม่มีลูกหลาน หรือคนดูแลมีอัตราเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับ 30 ปีที่ผ่านมา (ปี2530 กับ ปี2560)โดยปัจจุบันอยู่ที่ 8.7 – 9% ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาค่ากลางของวัยสูงอายุอยู่ที่วัย 55 ปีที่ระบุว่าเป็นตัวเลขเกษียณ กับค่าเฉลี่ยช่วงอายุคนไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 77 ปี หมายถึงวัยเกษียณจนถึงวาระสุดท้ายจะมีช่วงยาว 22 ปีโดยประมาณ ทำให้โครงการ จิณณ์ เวลบีอิ้งเคาน์ตี้ ภายใต้แนวคิด ไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้ ที่ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้สูงอายุไม่เพียงมีสถานที่พักอาศัยที่เหมาะสมกับช่วงวัย มีสิ่งอานวยความสะดวกและบุคลากรทางวิชาชีพ หากยังมีกิจกรรมที่ดูผู้สูงอายุ หรือลูกหลาน

ส่วนโครงการในอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาแนวคิดการขยายไปยังภาคเหนือและภาคใต้ จัดทำเป็นลักษณะบ้านพักผ่อนในสถานที่ท่องเที่ยวโดยอาจจะเป็นไทม์แชร์ริ่ง ต้องยอมรับว่าผู้คนให้ความสาคัญกับการดูแลสุขภาพ โดยแนวคิดนี้จะตอบโจทย์ด้าน Wellness and Healthcare ที่กำลังอยู่ในความต้องการ

สมาชิกบอกต่อ

ผู้ซื้อห้องพักโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ให้ความเห็นว่า แม้ว่าราคาขายจะแพงไปสำหรับโครงการที่ตั้งอยู่ในจ. ปทมุธานี ใกล้เคียงกับห้องพักกรุงเทพฯ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งแวดล้อมในโครงการแล้ว ถือว่าตัดสินใจถูกต้อง คุ้มค่า เพราะมีแพทย์ และพยาบาลมาดูแลอย่างใกล้ชิด  จึงชวนน้องสาวที่อยู่ต่างประเทศมาซื้อด้วย เป็นที่พักในวัยเกษียณ

นอกจากนี้ ยังเดินทางสะดวกมาก จากบ้านย่านสีลมมาโครงการ ที่ตั้งอยู่ริมถนนพหลโยธิน อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี หรือจะออกไปห้างสรรพสินค้า บริเวณใกล้เคียง ก็มีรถตู้ให้บริการไปส่ง ตามเวลาที่กำหนด แต่ต้องเดินทางกลับเอง และบริเวณใกล้เคียงยังมีมหาวิทยาลัย สนามบิน สนามกอล์ฟและรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม

ปัจจุบันจึงใช้เวลาส่วนใหญ่พักอยู่ในโครงการมากกว่าเดินทางกลับบ้าน มีสวนให้เดินกว้างมาก พื้นที่สีเขียวมองแล้วสบายตา มีกิจกรรมให้ทำมากมาย สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องออกไปข้างนอกบ่อยๆ ยิ่งในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดจนถึงสิ้นปี 2564  ยังมีอาหารให้ทานฟรี 3 มื้อด้วย อยู่แล้วสบายดี