SVT แจงกองทุนซื้อบิ๊กล็อต 30 ล้านหุ้น มั่นใจศักยภาพ คาดปี 65 โต 25%

HoonSmart.com>>“บริษัทสรีราภรณ์” ผู้ถือหุ้น “ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี” ขายบิ๊กล็อต 30 ล้านหุ้น กองทุนสนใจซื้อหุ้น มั่นใจธุรกิจ คาดปี 65 รายได้โต 25% ขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติเพิ่มขึ้น 2,000 เครื่อง เป็น 17,000 เครื่อง รุกขยายสาขาภาคเหนือ-อีสาน เดินหน้าลุยธุรกิจแฟรนไชส์เต็มสูบ ลูกค้าสนใจแล้ว 1-2 ราย 

นางอาภัสรา ภาณุพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซันเวนดิ้ง เทคโนโลยี (SVT) ผู้นำในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (เวนดิ้ง แมชชีน :Vending Machine) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SUNVENDING” เปิดเผยว่า บริษัท สรีราภรณ์ ได้มีการทำรายการซื้อขายหุ้นบนกระดานใหญ่ (บิ๊กล็อต) จำนวน 30,154,380 หุ้น คิดเป็น 4.31% ของหุ้นทั้งหมด  เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเสนอขายให้กับกองทุนต่างประเทศ เนื่องจากนักลงทุนสถาบันได้ให้ความสนใจและมีความต้องการซื้อหุ้นของบริษัทฯ

ทั้งนี้ การขายหุ้นบิ๊กล็อตในครั้งนี้ ไม่ได้กระทบต่อโครงสร้างการจัดการและการดำเนินงานของบริษัทฯ สาเหตุที่กองทุน เข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทฯ นั้น เพราะมีความสนใจในหุ้นของ SVT ตั้งแต่ก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ประจวบเหมาะกับได้จังหวะเข้าลงทุนในช่วงเวลานี้ จึงได้ซื้อขายบิ๊กล็อต

“ทางกองทุนต่างประเทศได้ติดตามและให้ความสนใจในธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการเติบโต ตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยให้ความเชื่อมั่นว่าบริษัทฯ จะสามารถดำเนินธุรกิจและประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมการบริโภคที่เริ่มเปลี่ยนไปเพื่อสอดรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากสภาพการณ์ในปัจจุบัน และมองเห็นถึงช่องทางการเติบโต ที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีกผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ จึงเป็นสาเหตุให้เกิดการซื้อขายบิ๊กล็อตในครั้งนี้” นางอาภัสรา กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินงานธุรกิจในปี 2565 นั้น บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตประมาณ 25% จากการเดินหน้าขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติที่ครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้น และการเปิดธุรกิจใหม่ อย่าง แเฟรนไชส์ ระบบเช่า และโฆษณาในเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ รวมถึงการรุกขายตู้ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
บริษัทฯ มีแผนขยายเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติในปี 2565 เพิ่มเป็น 17,000 เครื่อง หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 เครื่อง จากเดิมในปี 2564 มีจำนวนเครื่องทั้งหมด 14,600 เครื่อง

นอกจากนี้ปรับเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติแบบธรรมดาให้เป็นแบบสมาร์ทเพิ่มเป็น 7,500 เครื่อง และจะเริ่มขยายจำนวนเครื่องจำหน่ายสินค้าที่จังหวัดลำพูนเป็นแห่งแรก เพื่อเจาะกลุ่มเป็นหมายที่เป็นภาคอุตสาหกรรม และจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นโรงงาน ส่วนในภาคใต้คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2566 สำหรับการทำระบบแฟรนไชส์นั้น คาดว่าจะเริ่มแบบก่อนให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ โดยในเบื้องต้นมีลูกค้าสนใจในระบบดังกล่าวแล้ว 1-2 ราย โดยเป็นโครงการนำร่อง ก่อนจะมีการขยายอย่างเป็นทางการในปี2565