บล.กสิกรฯคาด 1,600 เอาไม่อยู่ พบกัน 1,585 สัปดาห์หน้า

HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยชี้หุ้นจะดิ่งลงแรงต่อหรือไม่ แนะจับตา 3 ปัจจัย   สถานการณ์โควิด-19 ทั้งใน-ต่างประเทศ  ฟันด์โฟลว์ การประชุมโอเปกพลัส ด้านเงินบาทอ่อนค่ารวดเร็ว ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบเคลื่อนไหวที่ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ  

บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้น สัปดาห์ถัดไป (29 พ.ย.-3 ธ.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,585 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,630 และ 1,640 จุด ตามลำดับ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจนผลการประชุมโอเปกพลัส

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน การจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น ยูโรโซนและจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย.(เบื้องต้น) ของยูโรโซน ตลอดจนยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ของญี่ปุ่นและยูโรโซน

หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงปลายสัปดาห์ แต่ยังไม่หลุดแนว 1,600 จุด โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,610.61 จุด ลดลง 2.09%  ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 93,574.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.73%  ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.54% มาปิดที่ 565.08 จุด

หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบเกือบตลอดสัปดาห์ ก่อนจะร่วงลงหนักในช่วงปลายสัปดาห์ โดยการขยับขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์มีปัจจัยหนุนจากตัวเลขส่งออกไทยซึ่งออกมาดีกว่าคาด ประกอบกับมีแรงซื้อต่อเนื่องในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากข่าวการควบรวมกิจการของบริษัทสื่อสาร  กลางสัปดาห์ได้แรงหนุนจากแรงซื้อของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดีหุ้นร่วงลงช่วงปลายสัปดาห์ตามตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์โควิดในหลายประเทศ รวมถึงการพบไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่

สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (29 พ.ย.-3 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.20-34.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ

เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 6 สัปดาห์ที่ 33.68 บาทต่อดอลลาร์ฯ ตามจังหวะการย่อตัวของราคาทองคำในตลาดโลกและสถานะขายสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ มีแรงหนุนจากมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดและรายงานการประชุมเฟด ซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะเร่งปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ของมาตรการ QE และอาจจะตามมาด้วยสัญญาณการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในปีหน้าหากเงินเฟ้อยังอยู่ในกรอบสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้การเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวลเป็นประธานเฟดอีกสมัยก็เป็นปัจจัยบวกต่อดอลลาร์ฯ ด้วยเช่นกัน

ในวันศุกร์ (26 พ.ย.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ระดับ 33.65 เทียบกับระดับ 32.76 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (19 พ.ย.)