ทริสฯจับตาบริษัทควบรวมแบกหนี้ 5.5 เท่า กดดันเรทติ้ง DTAC แย่ลง TRUE ดีขึ้น

HoonSmart.com>>ทริสเรทติ้งกำลังประเมินผลกระทบควบรวมกิจการ“ทรู คอร์ปอเรชั่น” และ”โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น” จะมีผลต่ออันดับเครดิตอย่างไร คาดว่าบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ มีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ EBITDA  ถึง 5.5 เท่า ด้อยกว่าสถานะการเงินของ DTAC อย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงความสัมพันธ์กับTelenor เปลี่ยนแปลงไป น่าจะส่งผลในทางลบต่ออันดับเครดิตของ DTAC  ในทางกลับกันดีต่อเรทติ้งของ TRUE 

บริษัท ทริสเรทติ้ง รายงานว่า กำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการประเมินการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ว่าจะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ DTAC รวมถึง บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต (DTN), TRUE และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น   (TUC) อย่างไร

ทั้งนี้ การประเมินยังขาดข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ โดยเฉพาะโครงสร้างของบริษัทใหม่(new company: NEWCO) และทิศทางธุรกิจ เนื่องจากการควบรวมกิจการยังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้น ซึ่งเป็นการเจรจาต่อรองและยังจะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎระเบียบอีกด้วย ทริสฯคาดว่าจะได้รับข้อมูลการควบรวมกิจการและทิศทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา DTAC และ TRUE ได้ประกาศแจ้งความประสงค์ในการควบรวมกิจการระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้ทำบันทึกความตกลงเบื้องต้นแบบไม่มีผลผูกพัน ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมืออย่างเท่าเทียมกัน (Equal Partnership) โดยจะรวมกันตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา (NEWCO) ซึ่งโครงสร้างหลังการควบรวมกิจการนั้นคาดว่า Telenor ASA (Telenor) และ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) แต่ละฝ่ายจะถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ NEWCO หลังจากที่มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ ทั้งนี้ การควบรวมกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565

คาดว่า NEWCO จะกลายมาเป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมการสื่อสารแบบไร้สายในประเทศไทย ที่มีสัดส่วนรายได้ทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก น่าจะทำให้สถานะทางการตลาดแข็งแกร่งขึ้น จะเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้า ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังจะได้รับประโยชน์จากการผสานพลังทางธุรกิจในการใช้โครงข่ายและคลื่นความถี่ร่วมกัน รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการลงทุนลงได้อีกด้วย

แนวโน้มในระยะยาว NEWCO มีศักยภาพที่จะกลายมาเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมระดับภูมิภาคที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการอาจส่งผลต่อสถานะเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile — SACP) ของทั้ง DTAC และ TRUE อย่างมีนัยสำคัญ ทริสฯคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (Debt to EBITDA ratio) ของ NEWCO จะอยู่ที่ประมาณ 5.5 เท่า ซึ่งสถานะทางการเงินอาจจะด้อยกว่าสถานะทางการเงินของ DTAC อย่างมีนัยสำคัญ น่าจะส่งผลในทางลบต่ออันดับเครดิตของ DTAC การควบรวมอาจทำให้ระดับความสัมพันธ์ระหว่าง DTAC และ Telenor เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของ DTAC ที่เพิ่มขึ้นจากการได้รับการสนับสนุนจาก Telenor ในทางกลับกัน ทริสมองว่าการควบรวมอาจเป็นผลดีต่ออันดับเครดิตของ TRUE เนื่องจาก NEWCO มีสถานะทางธุรกิจและการเงินที่ดีกว่า

ทริสเรทติ้งมีข้อสังเกตว่าการควบรวมกิจการในครั้งนี้ยังมีปัจจัยที่ท้าทายอีกมากไม่ว่าจะเป็นการได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น การได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ และการได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช)

ปัจจุบัน DTAC และ DTN ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันจากทริสที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต“คงที่” ส่วน TRUE และ TUC ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันที่ระดับ “BBB+” และหุ้นกู้ที่มีการค้ำประกันบางส่วนของ TRUE ได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่”