HoonSmart.com>> ดัชนีหุ้นปิด 1,610.61 จุด ร่วงแรง 37.85 จุด หลังเจอโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ผสมเฟดจ่อขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 6 พันล้านบาท ผสมแรงขายสถาบัน-พอร์ตโบรกฯ รวมกว่า 6.7 พันล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท “บล.เมย์แบงก์ฯ” ประเมินแนวรับสำคัญ 1,600 จุด ตลาดขาลงมองเป็นโอกาสซื้อหุ้นแนวโน้มเติบโต แนะ JMT-ASK-DTAC-TTB-BCH
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 26 พ.ย. 2564 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,610.61 จุด -37.85 จุด หรือ -2.30% มูลค่าการซื้อขาย 123,472.09 ล้านบาท
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 6,091.21 ล้านบาท รองลงมานักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,462.17 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 3,238.22 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 12,791.60 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้เกิดแรง Panic Sell ทำให้ดัชนีปิดลบ จุด หลังเจอโควิด-19 ที่กลายพันธุ์และพบผู้ติดเชื้อ ส่วนอีกปัจจัยลบที่เข้ามาเสริม คือ นักลงทุนกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ที่อาจจะเร็วกว่าคาด และเพิ่มวงเงินการปรับลดซื้อสินทรัพย์คิวอีของธนาคารกลางสหรัฐ เพื่อลดตัวเลขเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ ประเมินแนวรับแรกที่สำคัญ บริเวณ 1,600 จุด ซึ่งกรณีหลุดไม่ควรเกิน 1,590 จุด มิเช่นนั้นตลาดหุ้นจะเสียแนวโน้มขาขึ้นไป และอีกแนวรับที่สำคัญคือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ที่บริเวณ 1,570 จุด โดยในช่วง 1 ปีนี้ ตลาดหุ้นไทยลงไปทดสอบ และสามารถดีดกลับขึ้นได้ทุกครั้ง กรณีหลุดอาจจะมีปรับฐานลงลึกได้
อย่างไรก็ตามการปรับฐานลงรอบนี้ มองว่าเป็นโอกาสย่อสะสมซื้อหุ้นที่แนวโน้มปี 2565 จะเติบโตดี ในกรณีที่ไม่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ แนะนำ JMT, ASK, DTAC, TTB และ BCH ส่วนหุ้นที่มีกิจการในยุโรป ยังต้องรอดูสถานการณ์ให้มีแนวโน้มคลี่คลายลงก่อน
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 142.50 บาท -4.50 หรือ -3.06% มูลค่าการซื้อขาย 6,308.46ล้านบาท
AOT ปิดที่ 63.00 บาท -3.75 หรือ -5.62% มูลค่าการซื้อขาย 4,910.52 ล้านบาท
SCB ปิดที่ 127.00 บาท -3.50 หรือ -2.68% มูลค่าการซื้อขาย 2,988.98 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 60.00 บาท -1.50 หรือ -2.44% มูลค่าการซื้อขาย 2,900.86 ล้านบาท
BANPU ปิดที่ 11.00 บาท -0.50 หรือ -4.35% มูลค่าการซื้อขาย 2,858.20 ล้านบาท