สนพ.คาดปี’64 ใช้น้ำมันลด 7.8% แผน PDP ใหม่ เพิ่มพลังงานสะอาด 1,000 MW

HoonSmart.com>>สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานคาดปี 64  ใช้พลังงานขั้นต้นแตะ 2 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มทุกประเภท ยก เว้นน้ำมันลดลง 7.8% หลังโควิด-19 กระทบการเดินทาง ส่วนน้ำมันดิบดูไบเดือนธ.ค.นี้ คาดอยู่แถว 78 ดอลลาร์ ปี 65 คาดลดลง ตาม Supply ที่เพิ่มเข้ามา ด้านแผนการเพิ่มผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผน PDP2022 ใหม่ ช่วงปี 64-73 เพิ่มอีก 1,000 MW รวมเป็น 10,193 MW

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการใช้พลังงานปี 2564 ว่า สนพ. ได้มีการพยากรณ์โดยอ้างอิงสมมุติฐานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่า เศรษฐกิจ(GDP) ในปี 2564 จะขยายตัว 1.2% เนื่องจาก 3 ปัจจัย คือ 1.การขยายตัวจากการส่งออกสินค้า 2.แรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่าย การลงทุน และมาตรการเศรษฐกิจสำคัญของภาครัฐ และ3.ฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปีก่อนหน้า

ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปีนี้อยู่ที่ 70.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยอยู่ที่ 31.9 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนั้นเมื่อกลางเดือนต.ค.2564 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เผยแพร่คาดการณ์เศรษฐกิจโลกขยายตัว 5.9%

ทั้งนี้ สนพ. คาดการณ์ว่าการใช้พลังงานขั้นต้นทั้งปีจะอยู่ที่ 2,016 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มเพียง 0.2% ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวในช่วงต้นปี และการเติบโตของเศรษฐกิจโลก โดยปี 2564 การใช้ก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน/ลิกไนต์ คาดว่ามีการใช้เพิ่มขึ้น 2.7% และ 8.1% ตามลำดับ ส่วนการใช้ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า คาดว่าเพิ่มขึ้น 15.4% ด้านการใช้ไฟฟ้าคาดว่าอยู่ที่ 189,904 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการฟื้นตัวของการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การใช้น้ำมันในภาคขนส่งลดลง โดยปีนี้คาดว่าการใช้น้ำมันโดยรวมลดลง 7.8% ยกเว้นการใช้น้ำมันเตา เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมกลับมาดำเนินการปกติ ส่วนการใช้ LPG ในภาคครัวเรือน คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% แบ่งออกเป็นภาคอุตสาหกรรมและการใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10.9% และ 24.2% ตามลำดับ ขณะที่ภาคขนส่งคาดว่ามีการใช้ลดลง 18.7%

สำหรับสถานการณ์พลังงาน สนพ. คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบในเดือน ธ.ค.นี้ ยังอยู่ในระดับที่สูงใกล้เคียงปัจจุบันประมาณ 78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากช่วงเดือนสุดท้ายของปีจะเข้าสู่ฤดูหนาวปริมาณการใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้น และตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 เป็นต้นไป คาดว่าจะทยอยปรับตัวลดลง ตามเกณฑ์การเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และการระบายน้ำมันดิบในคลังของประเทศที่กักเก็บน้ำมัน

ขณะที่ปริมาณการนำเข้าก๊าซธรรมชาติ (LNG) ในปี 2565 ตามนโยบายเปิดเสรีก๊าซ ก็ได้มีการกำหนดปริมาณเบื้องต้นไว้แล้ว แต่ยังต้องติดตามราคาก๊าซธรรมชาติในปัจจุบันก่อน ซึ่งทาง สนพ. ได้เตรียมการรองรับไว้แล้ว รวมถึงการกำหนดปริมาณนำเข้าเพิ่ม เพื่อทดแทนก๊าซธรรมชาติส่วนที่หายไปในอ่าวไทยด้วย

ส่วนช่วง 9 เดือนแรกของปี 2564 พบว่า การใช้พลังงานขั้นต้นอยู่ที่ 2,008 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 0.01% จากการใช้ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน/ลิกไนต์ ไฟฟ้าพลังน้ำและไฟฟ้านำเข้า ที่เพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่วนการใช้น้ำมันลดลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ซึ่งภาครัฐมีการประกาศใช้มาตรการต่างๆ อาทิ การทำงานจากที่บ้าน การจำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด และการประกาศเคอร์ฟิว เป็นต้น ด้านการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1% ซึ่งแม้จะทำงานจากที่บ้าน แต่ภาคท่องเที่ยวและบริการ ยังได้รับผลกระทบ

ด้านแผนการเพิ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ภายใต้แผน PDP2022 ที่จะปรับปรุงใหม่ จะเร่งเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานในระบบของปี 2564-2573 อีก 1,000 เมกะวัตต์ รวมเป็น 10,193 เมกะวัตต์ จากแผนเดิมที่ 9,193 เมกะวัตต์ ซึ่งจะลดสัดส่วนโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลลง 700 เมกะวัตต์ ลงมาอยู่ที่ 5,450 เมกะวัตต์ จากแผนเดิมที่ 6,150 เมกะวัตต์ ทำให้เมื่อนำมารวมโรงไฟฟ้าใหม่ (โรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด+โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล) ในปี 10 ปีนี้ จะอยู่ที่ 15,643 เมกะวัตต์ จากแผนเดิม 15,343 เมกะวัตต์ ถึงแม้ว่าสัดส่วนพลังงานสะอาดจะเพิ่มขึ้นไม่มาก แต่ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์คาดว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ