HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์พุ่ง 194 จุด แรงหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารหลังบอนด์ยีลด์เพิ่มขึ้นแตะ 1.648% ด้านหุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลดลง ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ปิดที่ 35,813.80 จุด เพิ่มขึ้น 194.55 จุด หรือ 0.55% จากการปรับขึ้นของกลุ่มธนาคารหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นและจากแรงซื้อในกลุ่มอุตสาหกรรม
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,690.70 จุด เพิ่มขึ้น 7.76 จุด, +0.17%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,775.14 จุด ลดลง 79.62 จุด, -0.50%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นมาที่ 1.648% ส่งผลให้หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.64% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.51% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นมอร์แกน สแตนเล่ย์ บวก 2.56% ขณะเดียวกันทำให้กลุ่มเทคโนโลยีลดลง หุ้นเมตา หรือ เฟซบุ๊ก ลดลง 1.1% หุ้นเทสลา ลดลง 4.14% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.36% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.63%
นักวิเคราะห์ระบุว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สองกดดันกลุ่มเทคโนโลยี เพราะมีผลต่อมูลค่าหุ้น แม้ Zoom Video Communications รายงานผลการดำเนินงานดีกว่าคาดก็ไม่ได้ช่วยหนุนตลาด
หุ้น Zoom Video Communications ลดลง 14.71% หลังบริษัทคาดการณ์ รายได้อาจจะชะลอตัวลง เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีขึ้นและความต้องการใช้บริการประชุมทางไกลลดลง
หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น แม้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศจะระบายน้ำมัน 50 ล้านบาร์เรลจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) เพื่อสกัดการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในตลาด โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 2.63% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.10%
หุ้นเบสท์บาย บริษัทค้าปลีกสินค้าอิเลกทรอนิกส์รายใหญ่ลดลง 12.41% หลังปรับลดคาดการณ์ยอดขายและกำไรในไตรมาส 4 ปีนี้ แม้กำไรไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
อย่างไรก็ตามการซื้อขายชะลอตัวลงเพราะในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) และจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ และนักลงทุนรอรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 2-3 พฤศจิกายน รวมทั้งการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ได้แก่ การขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ประมาณการครั้งที่ 2ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 รายได้ส่วนบุคคล ความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ไอเอชเอส มาร์กิตรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ระดับ 59.1 สูงสุดในรอบ 2 เดือน ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 57.0 ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน
นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 ในหลายประเทศ
.
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง 3.1% นักลงทุนเกาะติดการระบาดระลอกใหม่ของโควิดในหลายประเทศของยูโรโซน
กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายนยูโรโซนเพิ่มขึ้นสูงกว่าคาด โดยไอเอชเอส มาร์กิตรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) โดยรวมเพิ่มขึ้นมาที่ 55.8 จาก 54.2 ในเดือนตุลาคม และสูงกว่า 53.2 ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจลดลงมาที่ 66.6 ต่ำสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ จาก 69.0 เดือนก่อนหน้า
ในเยอรมนีรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ภายในปลายฤดูหนาวนี้ ชาวเยอรมนีทุกคนจะต้องฉีดวัคซีน และหายจากโรค หรือไม่ก็เสียชีวิต และเยอรมนีกลังพิจารณาว่าจะใช้มาตรการที่เข้มงวดและล็อกดาวน์บางส่วนหรือไม่ เพราะเป็นหนึ่งในประเทศยุโรปที่มีอัตราการฉีดวัคซนต่ำ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 479.25 จุด ลดลง 6.21 จุด, -1.28%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,266.69 จุด เพิ่มขึ้น 11.23 จุด, +0.15%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,044.62 จุด ลดลง 60.38 จุด, -0.85%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,937.00 จุด ลดลง 178.69 จุด, -1.11%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 1.75 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน เพิ่มขึ้น 2.61 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 82.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อ่านข่าว