หุ้นร่วง-ทองดิ่ง 550 บาท จัดพอร์ตได้ดีเงินเฟ้อพุ่ง

HoonSmart.com>> ปัจจัยสหรัฐ-ยุโรปกดดันหุ้นไทย เงินดอลลาร์แข็งค่า บอนด์ยีลด์พุ่ง กังวลเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ป้องกันเงินเฟ้อ บล.เคที ซีมิโก้มองบวกหุ้นธนาคาร-ประกันชีวิต แนะ SCB, TTB, BAY, BLA, TIPH บล.ทิสโก้เชียร์ 3 กลุ่ม พาณิชย์-การแพทย์-ประกัน ส่วนหุ้น TRUE-DTAC สงบ รอเวลาควบรวมกิจการ ด้านราคาทองคำในประเทศเปลี่ยนแปลงถึง 8 ครั้ง ปิดตลาดร่วงลงบาทละ 550 บาท

วันที่ 23 พ.ย.2564 ตลาดหุ้นไทยยังฝ่าด่าน 1,650 จุดไม่ผ่าน แม้ระหว่างวันพยายามบวก แต่สุดท้ายดัชนีปิดที่ 1,646.42 จุด ลดลง3.12 จุด หรือ-0.19% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 90,227.64 ล้านบาท มีแรงขายหุ้นแบงก์ใหญ่ ส่วนกลุ่มสื่อสาร TRUE ปิดเท่ากับวันก่อนที่ 4.76 บาท DTAC บวก 0.25 บาท ปิดที่ 45.25 บาท หมดแรงเก็งกำไร ระหว่างรอเวลาในการดำเนินการควบรวมกิจการ ท่ามกลางเสียงคัดค้าน ขณะที่ ADVANC ปรับตัวขึ้น 6 บาทหรือ 2.87% ปิดที่ 215 บาท

นักลงทุนสถาบันไทยขายหุ้น 1,556 ล้านบาท ต่างชาติขายด้วย 1,338 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนไทยซื้อ 2,451 ล้านบาท

ด้านราคาทองคำในประเทศดิ่งลงบาทละ 550 บาท หลังเปลี่ยนแปลง 8 ครั้ง โดยทองคำแท่งรับซื้อ 28,100 บาท ขายออก 28,200 บาท และทองรูปพรรณ รับซื้อ 27,591.20 บาท ขายออก 28,700 บาท

ตลาดหุ้นและราคาทองคำที่ปรับตัวลงได้รับผลกระทบจากเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 1.627% หลังจากเจอประธานาธิบดีเลือก โรม พาวเวล ดำรงตำแหน่งประธานเฟดสมัยที่ 2 ซึ่งจะดำเนินการลดคิวอีเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะยุติคิวอีกลางปีหน้า ถ้าหากเงินเฟ้อสูงกว่าคาด อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยใน มิ.ย., ก.ค., ก.ย. 2565

การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูง บล.เคที ซีมิโก้มองบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารและประกันชีวิต แนะหุ้นเด่น SCB,TTB, BAY,BLA,TIPH อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงขายหุ้นแบงก์ออกมามากในวันนี้ หลังจากราคาปรับตัวขึ้นไปมาก สามารถขายออกมีกำไร แม้ว่าแนวโน้มผลกำไรจะดีขึ้นตามเศรษฐกิจก็ตาม

ขณะเดียวกันนักลงทุนกังวลต่อสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้ออสเตรียและเนเธอร์แลนด์ต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ ขณะที่นายกฯ เยอรมันส่งสัญญาณอาจต้องใช้มาตรการเข้มงวดขึ้นในการคุมการระบาด ส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปอาจกลับมาชะลอตัวอีกครั้งในไตรมาสที่ 4 นี้ กดดันหุ้นที่ได้มีรายได้จากยุโรป โดยเฉพาะ TU และ MINT

บล.ทิสโก้ แนะนำหุ้นที่มักปรับตัวขึ้นมากกว่าตลาด ( outperform) ในช่วงเงินเฟ้อสูง ได้แก่กลุ่มพาณิชย์ แนะนำ CPALL, BJC, CRC กลุ่มการแพทย์ BDMS, BCH และประกัน BLA, THREL

บล.กสิกรไทย แนะนำให้ติดตามท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ ยุโรป อังกฤษและธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลกหลังสหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญตัวเลข CPI เดือน ต.ค. ออกมาที่ +6.2% เทียบกับปีก่อน สูงกว่าตลาดคาดที่ +5.9% ถือเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่ตัวเลขเงินเฟ้อมากกว่า 5% และสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1991

กลยุทธ์การลงทุนแนะหุ้นที่คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 3/2564 ออกมาแข็งแกร่ง การประชุมนักวิเคราะห์เกี่ยวกับแนวโน้มในไตรมาสที่ 4 และปี 2565 ของภาพรวมอุตสาหกรรม / การปรับราคาขาย / ต้นทุนที่สูงขึ้นจากเงินเฟ้อ

ส่วนกรณีธปท. ออกมาตรการเพิ่มเติมเรื่องการรวมหนี้ในระบบสถาบันการเงิน โดยให้มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 31ธ.ค. 2566 บล.เคทีบีเอสที มองเป็นกลางต่อกลุ่มธนาคาร ยังคงน้ำหนักการลงทุน “มากกว่าตลาด” เลือก SCB แนะซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 150 บาท เป็น Top pick ส่วนไฟแนนซ์มองเป็นกลางถึงลบเล็กน้อย แบ่งเป็นกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ MTC, SAWAD, TIDLOR กลุ่มหนี้ไม่มีหลักประกัน AEONTS และ KTC อาจได้รับผลกระทบเชิงลบเล็กน้อย จึงคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มไฟแนนซ์เท่ากับตลาด top pick เป็น SINGER แนะซื้อ เป้า 47 บาท

ด้านนายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานมูลนิธีวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ให้ความคิดเห็นว่าการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC  ค่อนข้างอันตรายต่อการผูกขาดตลาด ผู้อานิสงส์ส่งต่อผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท บริษัทคู่แข่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ แต่มีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้น ด้วยเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ที่เมื่อควบรวมแล้วจะทำให้เหลือผู้เล่นเพียงสองราย การแข่งขันและตัดราคากันจะน้อยลงไปด้วย

ส่วนผู้ได้รับผลด้านลบคือผู้บริโภค และคู่ค้าของผู้ให้บริการที่อาจจะมีอำนาจต่อรองลดลง ธุรกิจสตาร์ทอัพที่คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนลดลงไปหนึ่งราย ส่วนรัฐบาลจะได้รับผลกระทบรายได้ลดลง ถ้ามีการประมูลคลื่นความถี่ ผู้เข้าประมูลลดลง รายได้ของรัฐย่อมลดลง ขณะที่ประชาชนจะต้องถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเพื่อไปทดแทนรายได้ของรัฐที่หายไป ผลของการควบรวมกิจการจะทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลของไทยมีต้นทุนสูงขึ้น การประกอบอาชีพ การค้าขายออนไลน์ การเรียนออนไลน์ ฯลฯ จะได้รับผลกระทบทั้งหมด

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา หนึ่งในคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า  ตัวแทนทั้งจาก DTAC และ TRUE ได้เข้ามาชี้แจงต่อกรรมการ กสทช.กรณีการควบรวมกิจการ เพราะกรรมการมีความห่วงใย โดยทั้งสองบริษัทระบุว่ากระบวนการควบรวมเป็นเพียงการเริ่มต้นยังไม่มีรายละเอียด ก็ต้องรอผลการเจรจา แต่ในชั้นนี้ กรรมการ กสทช.กำชับว่าระหว่างการเจรจาการให้บริการของทั้งสองรายยังคงราคาและคุณภาพการให้บริการเหมือนเดิม