HoonSmart.com>> “บลจ.กสิกรไทย” คาดหุ้นไทยปี 65 แตะ 1,850 จุด แรงหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังเร่งฉีดวัคซีน สถานการณ์โควิดคลี่คลาย เปิดเมืองหนุนภาคท่องเที่ยว คาดรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ชู 3 ธีมลงทุน “กลุ่มที่มีรายได้ กำไรเติบโตดี-กลุ่มที่มีศักยภาพฟื้นตัวของรายได้-กลุ่มได้ประโยชน์เปิดเมือง” ส่วนปีนี้คาดดัชนี 1,650 จุด พร้อมแนะ 5 กองทุนลดหย่อนภาษีโค้งสุดท้าย
น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยปี 2565 คาดการณ์ดัชนีมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองเป้าหมายสิ้นปีที่ระดับ 1,850 จุด ปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและน่าจะครบ 100 ล้านโดสในเดือนพ.ย.นี้และครบ 120 ล้านโดสปีนี้ รวมทั้งการเปิดประเทศซึ่งคาดว่าจะทำให้ภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจุบันดัชนีชี้วัดเศรษฐกิจ ทั้งดัชนีความเชื่อมั่น การลงทุน การใช้กำลังการผลิตและการส่งออกขยายตัวขึ้น ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังอยู่ในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์ Supply chain disruption ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทรงตัวระดับสูง ส่งผลให้เงินเฟ้อยังคงปรับตัวสูงขึ้นและแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสำคัญของโลก เนื่องจากจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในระยะถัดไป ส่วนสถานการณ์โควิด-19 จะเริ่มคลี่คลายหลังการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นและมียาสำหรับรักษาโควิด-19 รวมทั้งคาดว่ารัฐจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขณะที่ความเสี่ยงด้านการเมืองและเสภียรภาพรัฐบาลยังไม่เห็นภาพที่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบัน
“สิ้นปีนี้คาดดัชนีอยู่ที่ 1,650 จุด การเปิดเมืองหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวได้และต้องรอดูปลายปีว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้นและหวังว่าจะไม่เกิดการระบาดรอบ 4 เหมือนในยุโรป อย่างไรก็ตามหากเกิดขึ้นก็เชื่อว่าแนวรับดัชนี 1,550 จุดน่าจะยืนได้ เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นมากซึ่งลดความรุนแรงลง จึงมองการล็อกดาวน์ทั้งประเทศโอกาสเกิดได้น้อยและยังต้องติดตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามา”น.ส.ธิดาศิริ กล่าว
ด้านผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยในปีนี้ประมาณ 13.4% โดยหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ สอดคล้องกับเม็ดเงินลงทุนต่างชาติขายสุทธิกว่า 6 หมื่นล้านบาท แม้มีสัญญาณการกลับเข้ามาลงทุนในเดือนก.ย.เป็นต้นมา แต่คาดว่าเงินลงทุนต่างชาติคงยังไม่ได้กลับมาอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้าและนับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยประมาณ 8 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากโครงสร้างตลาดหุ้นไทยยังไม่มีธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาจดทะเบียนทำให้ขาดความน่าสนใจเมื่อเทียบตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตามคาดการณ์ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยปี 2565 ประมาณ 10% เมื่อรวมอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลรวมอยู่ที่ประมาณ 15%
น.ส.ธิดาศิริ กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในปี 2565 มองการลงทุนที่น่าสนใจ 3 ธีม ได้แก่ 1.กลุ่มที่มีรายได้และกำไรเติบโตได้ดี ได้แก่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, สาธารณูปโภคและเทเลคอม 2.กลุ่มที่มีศักยภาพในการฟื้นตัวของรายได้ ได้แก่ ธนาคาร, การเงิน, พาณิชย์และสื่อนอกบ้าน 3.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ ได้แก่ พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและกลุ่มเฮลท์แคร์
สำหรับการลงทุนในช่วงโค้งสุดท้าย เพื่อลดหย่อนภาษี บลจ.กสิกรไทยแนะนำ สำหรับกองทุนที่ลงทุนต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน K-CHANGE SSF และ K-CHANGE RMF ลงทุนหุ้นเด่นตามเทรนด์โลก ส่วนกองทุนผสม แนะนำ กองทุน K-GINCOME SSF กระจายลงทุนหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก เน้นสินทรัพย์ที่จ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในทุกสภาวะ และกองทุนผสมปรับพอร์ตตามอายุ ได้แก่ กองทุนเปิดเค ทาร์เก็ต รีไทร์เมนต์ 2035 เพื่อการเลี้ยงชีพ (K2035RMF) ผู้จัดการกองทุนปรับลดสัดส่วนจากสินทรัพย์เสี่ยงสูงไปสินทรัพย์เสี่ยงต่ำให้อัตโนมัติเมื่อเข้าใกล้ปีเกษียณ เหมาะกับผู้ที่อยากเกษียณปี ค.ศ.2035 หรือพ.ศ.2578
ส่วนกองทุนหุ้นไทย แนะนำ กองทุนเปิดเค หุ้นทุนบริพัตรเพื่อการเลี้ยงชีพ (KFLRMF) จุดเด่นปรับสัดส่วนได้ยืดหยุ่นลงทุนหุ้นไทยแบบมีผู้เชี่ยวชาญติดตามตลาด และปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งแต่ 0% ถึง 100% เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถดูรายละเอียดกองทุน SSF/RMF เพิ่มเติมที่ https://www.kasikornasset.com/Pages/TaxSaving.html