4 นักลงทุนรุมเทกโอเวอร์ GSC “ประยูร” ขายเกลี้ยง 51%

HoonSmart.com>>”ประยูร อัสสกาญจน์”ประธานกรรมการ “โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์” ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ขายหุ้นทั้งหมด 128 ล้านหุ้น สัดส่วน 51% รับเงิน 379 ล้านบาท แบ่งให้กับ “สามารถ ฉั่วศิริพัฒนา-สุสิชณ์ทักษ์ อัจฉริยะสมบัติ”- “นันทพร ชลวณิช” ก่อนหน้า “วสันต์ จาวลา” รายงานก.ล.ต.ได้หุ้น 10.5299%  ตลาดจี้ถามบริษัทบิ๊กล็อต 55 ล้านหุ้นวันที่ 19 พ.ย.ฝีมือใคร บริษัทแจงยังไม่ได้รับแจ้ง ราคาหุ้นร้อนแรงต่อ 18% ไม่สนแคชบาลานซ์วันแรก ถูกเพิ่มโทษขึ้นระดับ 2

บริษัทโกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ (GSC) ดำเนินธุรกิจศูนย์บริการข้อมูล และธุรกิจติดตามและทวงถามหนี้ เปลี่ยนโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยนาย ประยูร อัสสกาญจน์ ประธานกรรมการ ประธานกรรมการบริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง จำนวน 128 ล้านหุ้น สัดส่วน 51.02% รายงานก.ล.ต. ว่าได้ขายหุ้นทั้งหมด มูลค่าประมาณ 379 ล้านบาท โดยวันที่ 17 พ.ย.ขายจำนวน 73 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.88 บาท เป็นเงิน 210.24 ล้านบาท โดยนาย สามารถ ฉั่วศิริพัฒนา ได้หุ้นมา 8%

วันที่ 19 พ.ย.2564 ขาย 2 ล็อต ในราคาหุ้นละ 3.06 บาท ให้กับ นายสุสิชณ์ทักษ์ อัจฉริยะสมบัติ จำนวน 32.5 ล้านหุ้น มูลค่า 99.45 ล้านบาท และนาง นันทพร ชลวณิช จำนวน 22.5 ล้านหุ้น มูลค่า 68.85 ล้านบาท

ทั้งนี้ นายสุสิชณ์ทักษ์ อัจฉริยะสมบัติ เป็นนักลงทุน ถือหุ้น บริษัท สตาร์ ยูนิเวอร์แซล เน็ตเวิร์ค (STAR) และ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล (UKEM) อันดับที่ 9 จำนวน 11.7 ล้านหุ้น หรือ 0.95% ส่วนนาง นันทพร ชลวณิช ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 2 บริษัท โซลาร์ตรอน โซลาร์ (SOLAR) จำนวน 37.82 ล้านหุ้น สัดส่วน 6.95%

ก่อนหน้านี้ นาย วสันต์ จาวลา รายงานก.ล.ต.ว่าซื้อหุ้น GSC จำนวน 10.5299% เมื่อวันที่ 17 พ.ย.2564 ทั้งนี้นายวสันต์เป็นนักลงทุนที่มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 ของบริษัท มอร์ รีเทิร์น (MORE) จำนวน 439.53 ล้านหุ้น สัดส่วน 6.73%

ตลาดหลักทรัพย์สั่งบริษัทชี้แจงบิ๊กล็อต 55 ล้านหุ้น หรือ 22% เมื่อ 19 พ.ย. บริษัทชี้แจงว่ายังไม่ทราบเรื่อง และไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่แจ้ง แต่ได้ปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อตรวจสอบแล้ว

สำหรับการซื้อขายหุ้น GSC ราคาปรับตัวขึ้นแรง อย่างต่อเนื่อง วันที่ 5 พ.ย.ปิดที่ 1.96 บาท และราคาปรับตัวขึ้นแตะ 3 บาท จนตลาดหลักทรัพย์สั่งเข้ามาตรการแคชบาลานซ์ นักลงทุนจะต้องวางเงินสดทั้ง 100% มีผลตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.-30 ธ.ค. 2564 แต่ราคาหุ้นวันที่ 22 พ.ย. ราคายังกระโดดขึ้นไปปิดที่ 3.54 บาท เพิ่มขึ้น 0.54 บาทหรือ 18% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 180 ล้านบาท จนตลาดหลักทรัพย์ต้องเพิ่มโทษ ติดแคชบาลานซ์ขั้นที่ 2 เริ่มตั้งแต่วันที่  23 พ.ย.-30 ธ.ค. 2564