“สมคิด”ชี้จังหวะดีหุ้นไทย ศก.โตดึงทั่วโลกเข้าลงทุน

“สมคิด” ชี้ตลาดหุ้นเป็นช่วงที่ดีสุดหลังผ่านวิกฤต แนวโน้มเศรษฐกิจโตคาดปีนี้ไม่ต่ำกว่า 4.5% กำไรบริษัทจดทะเบียนขยายตัว ดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้าลงทุน ด้านกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ คลอดเดือนต.ค.นี้ “ภากร” เผยกองทุนต่างชาติร่วมงานสูงสุดนับแต่จัดงาน

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานเปิดงาน Thailand Focus 2018: The Future is Now” จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เช้าวันนี้ว่า ตลาดหุ้นเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะสถานการณ์เอื้อ เศรษฐกิจไทยพ้นวิกฤตมาเต็มที่ โอกาสกำลังเข้ามา ประเทศไทยมีความโดดเด่นในอาเซียนและเศรษฐกิจปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 4.5% ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยตลาดหุ้นไทยมีการเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศ ทั้งสิงคโปร์ ฮ่องกง แต่รูปแบบจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการเจรจา เช่น การจดทะเบียนข้ามตลาด

ตอนนี้ตลาดหุ้นไทยมีขนาดต่างจากสิงคโปร์แค่ 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่เอกชนและรัฐบาลก็ยังมีการลงทุน ทำให้เพิ่มโอกาสในส่วนของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการประมูลโครงการต่างๆ เช่น ถนน รถไฟ สนามบิน ซึ่งจะทำให้บริษัทมีการเติบโต

“ตลาดทุนอยู่ควบคู่เศรษฐกิจไทยจริง เศรษฐกิจเติบโต เพิ่มโอกาสในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียน ส่วนกรณีการจัดตั้งกองทุนไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์ประมาณเดือนต.ค.นี้ เม็ดเงินจะถึงแสนล้านบาทหรือไม่กำลังดูความเหมาะสม”นายสมคิด กล่าว

วันที่ 29 ส.ค.นี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดงาน “Thailand Focus 2018: The Future is Now” ชูความโดดเด่นและความน่าสนใจในการลงทุน ศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนในปัจจุบัน และการเติบโตในอนาคต พร้อมเชิญภาครัฐร่วมให้ข้อมูลแผนยุทธศาสตร์ชาติและความคืบหน้าของการปฏิรูปประเทศเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะที่มี บจ. 115 ราย ร่วมให้ข้อมูลโอกาสการลงทุนและการเติบโตของธุรกิจไทยแก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลก

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า นักลงทุนสถาบันทั่วโลกตอบรับร่วมงานในครั้งนี้มากถึง 161 รายนับว่าเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่จัดงานที่ผ่านมา โดยนักลงทุนมาจากหลายประเทศ

สำหรับงาน “Thailand Focus 2018: The Future is Now” นำเสนอจุดเด่นของประเทศไทยในด้าน Well-being economy และตลาดทุนไทยที่ขณะนี้มีความพร้อมในการเป็นแหล่งระดมทุนสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ ตลอดจนการขยายกิจการของบริษัทไทยทั้งในและต่างประเทศ การเชื่อมโยงและเป็นแหล่งทุนสำหรับภูมิภาคโดยเฉพาะ CLMV

จุดเด่นของงาน Thailand Focus คือการที่ผู้ลงทุนสถาบันได้ฟังนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากผู้นำภาครัฐโดยตรง รวมถึงเป็นโอกาสได้พบกับผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพื่อนำเสนอและแลกเปลี่ยนมุมมองการดำเนินธุรกิจในเชิงลึก ซึ่งครั้งนี้มี บจ. ร่วมให้ข้อมูลถึง 115 บริษัท จากทุกกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งบริษัทขนาดใหญ่ กลาง ไปจนถึงขนาดเล็ก ทั้งใน SET และ mai ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เป็นจุดแข็งของประเทศสอดคล้องแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 13.65 ล้านล้านบาท คิดเป็น 78% ของมูลค่ารวมของตลาด (ข้อมูล ณ 20 สิงหาคม 2561)

“Thailand Focus ในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์ชาติและความคืบหน้าของการปฏิรูปของประเทศไทย พร้อมรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่จะร่วมชูความน่าสนใจของประเทศ โดยย้ำการขับเคลื่อนจากภาครัฐเพื่อให้ประเทศไทยพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุน อาทิ การนำเสนอรายละเอียดของการระดมทุน Thailand Future Fund ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ตลอดจนการจัดตั้งกองทุนยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิระวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง ที่เริ่มเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมและจะเริ่มต้นในปี 2562 และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี

ในงานยังมีภาคธุรกิจร่วมให้ข้อมูลถึงศักยภาพของภาคเอกชนไทย โดยเฉพาะธุรกิจที่มีส่วนในการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ (Well-being economy) ซึ่ง บจ. ไทยที่มีธุรกิจอยู่ในกลุ่ม Well-being เช่น การท่องเที่ยว การแพทย์ อาหาร โครงสร้างพื้นฐาน มีอัตราการเติบโตสูงและหลายรายก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำระดับโลก พื้นฐานที่แข็งแกร่งนี้จะส่งเสริมให้ตลาดทุนไทยให้เป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาค CLMV โดย Thailand Focus ในครั้งนี้จะดึงดูดความสนใจของผู้ลงทุนต่างชาติ ทั้งจากความโดดเด่นน่าลงทุนด้วย บจ. คุณภาพที่เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคตจากแรงสนับสนุนของนโยบายรัฐ” นายภากร กล่าว