GJS ชี้ค่าเสื่อมราคาประเมินพุ่งทำส่วนผู้ถือหุ้นต่ำเร่งฟื้นกิจการ

“จี เจ สตีล” แจงผู้ลงทุนถูกขึ้น C เหตุค่าเสื่อมราคาประเมินกว่า 1.6 หมื่นล้านและสำรองด้อยค่าเครื่องจักรฉุดส่วนผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว เผยแนวทางแก้ปัญหา

บริษัท จี เจ สตีล (GJS) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2561 บริษัทได้จัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ลงทุนและที่เกี่ยวข้อง เพื่อชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับที่มาของปัญหาและแนวทางแก้ไขกรณีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยขึ้นเครื่องหมาย C บนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ว่า ที่มาของปัญหา คือ บริษัทมีค่าเสื่อมราคาประเมินปีละ 869 ล้านบาทหรือ 16,080 ล้านบาท ในช่วงปี 2543-2561 รวมทั้งบริษัทมีการตั้งสำรองค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สิน (เครื่องจักร) มูลค่า 1,422 ล้านบาท

สำหรับแนวทางแก้ไขนั้น บริษัทฯ เจรจากับเจ้าหนี้เพื่อแปลงหนี้เป็นทุน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย ซึ่งดำเนินการไปเป็นส่วนใหญ่แล้ว, มีการบริหารสต๊อคสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป ประมาณ 1 เดือนของกำลังการผลิต , เพิ่มกำลังการผลิตให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าจุดคุ้มทุนหรือมากกว่า 70% ของกำลังการผลิต ซึ่งได้ดำเนินการแล้ว, รักษา metal spread ให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนแปลงสภาพ เพื่อให้กำไรขั้นต้นเป็นบวก, หาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับกำลังการผลิต เพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรองกับผู้ขายวัตถุดิบ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ

นอกจากนี้ได้ควบคุมและหรือลดค่าใช้จ่าย, เพิ่มมูลค่าสินค้าที่มีอัตรากำไรที่สูง ทั้งการผลิตสินค้าเกรดที่สูงขึ้นและสินค้าที่มีมูลคาเพิ่ม เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน กัดกรดและเคลือบน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งได้ดำเนินการแล้วบางส่วน รวมทั้งปรับปรุงส่วนของผู้ถือหุ้นให้ดีขึ้น ซึ่งดำเนินการเสร็จภายใน 12 เดือน