SCBx เดินหน้าปั้น”เทคการเงิน” พาธุรกิจเติบโตไร้ขีดจำกัด

HoonSmart.com>>ฉลุย! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวแบงก์ไทยพาณิชย์ ปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินและโครงสร้างการถือหุ้น นำยานแม่ เอสซีบี เอกซ์ (SCBx) เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แทน สูตรแลกหุ้น 1 ต่อ 1 มีเงินปันผลหน้าตัก 7 หมื่นล้านบาท รับโอน 10 บริษัทย่อยมูลค่า 19,504 ล้านบาท และลงทุนเพิ่ม “อาทิตย์ นันทวิทยา” ประกาศพา SCBx เติบโตแบบไร้ขีดจำกัด สร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียอย่างยั่งยืน ด้านธนาคารกสิกรไทยมุ่งสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 เปิดสาขาโฮจิมินห์แห่งแรกในประเทศเวียดนาม

วันที่ 15 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2564 ซึ่งผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินไทยพาณิชย์ ด้วยการแลกหุ้น SCB เป็น บริษัทเอสซีบี เอกซ์ (SCBx) ซึ่งเป็นโฮลดิ้ง สูตร 1 ต่อ 1 และนำหุ้น “SCBx” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมี.ค.2565  และอนุมัติให้ธนาคารโอนบริษัทย่อย ให้แก่ SCBx หรือบริษัทย่อยของ SCBx รวมถึงโอนธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันให้แก่บริษัท คาร์ด เอกซ์ (Card X) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ของ SCBx

ผู้ถือหุ้นยังอนุมัติให้ธนาคารไทยพาณิชย์จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 7 หมื่นล้านบาท ให้แก่ SCBX สำหรับการรับโอนบริษัทย่อยและธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน

ทั้งนี้ จะมีการโอนบริษัทย่อย 10 แห่ง คาดมูลค่าประมาณ 19,504 ล้านบาท ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 และจะมีการลงทุนเพิ่มเติม โดยโครงสร้างใหม่ของ SCBx มีบริษัทย่อยไม่น้อยกว่า 14 บริษัท แบ่งเป็น 4 บริษัทที่สร้างผลตอบแทนสูง และ 10 บริษัทขยายสู่ธุรกิจแพลตฟอร์ม และเพิ่มศักยภาพธุรกิจใหม่ในระยะยาว

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในแนวทางการสร้างไทยพาณิชย์ให้เป็นธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินด้วยเป้าหมายสู่การเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด และเพื่อสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างมั่นคงและแข็งแรงต่อไป

สำหรับแผนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มธุรกิจไทยพาณิชย์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความคล่องตัวในการเติบโตของธุรกิจในหลายด้าน รวมทั้งเพิ่มความชัดเจนในการทำธุรกิจ ให้สามารถขยายและพัฒนาธุรกิจได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีการแบ่งแยกการกำกับดูแลและการบริหารความเสี่ยงทางธุรกิจอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจโดยรวม

ด้านนายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กสิกรไทยมุ่งสู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค AEC+3 เตรียมเดินหน้าบุกตลาดเวียดนามที่กำลังมาแรงอย่างเต็มที่ ยกระดับเปิดสาขาโฮจิมินห์ ศูนย์กลางทางการค้าการลงทุนของเวียดนาม เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนเข้าด้วยกัน ให้บริการกับลูกค้าในเวียดนามผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์ม ร่วมเป็นพันธมิตรกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ บริษัทฐานข้อมูลลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีความเข้าใจในตลาดอย่างลึกซึ้ง เช่น IPOS VN., Haravan และ KiotViet ที่จะมาช่วยส่งมอบบริการได้ตรงใจลูกค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึง Sendo แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก เพื่อสร้างโซลูชั่นทางการเงินสำหรับผู้ค้าออนไลน์ ลูกค้าที่ใช้บริการกับพันธมิตรให้สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อทางธุรกิจได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วด้วยข้อมูลธุรกรรมจากพันธมิตร ลูกค้าสามารถเลือกระยะเวลาการผ่อนสินเชื่อได้สูงสุดถึง 36 เดือน วงเงินกู้สูงสุดถึง 100 ล้านดงเวียดนาม หรือประมาณ 150,000 บาท ด้วยดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.4% ต่อเดือน
ทั้งนี้ตั้งเป้าผลประกอบการภายในปี 2565 มียอดเงินฝาก 1,200 ล้านบาทและสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท  คาดในอีก 5 ปีจะสามารถสร้างฐานลูกค้าในเวียดนามได้ถึง 8 ล้านคน เฟ้นหาทีมงานใหม่ และยกระดับการทำงานรองรับการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดเวียดนาม กว่า 500 อัตรา

สาขานครโฮจิมินห์ เป็นสาขาแรกในประเทศเวียดนาม และเป็นสาขาที่ 10 ในต่างประเทศ ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยมีเครือข่ายการให้บริการในต่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่น ๆ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง และพันธมิตรกว่า 84 แห่งทั่วโลก มีฐานลูกค้าในภูมิภาคกว่า 1.85 ล้านคน และยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องต่อไป